นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2561 ได้ขึ้นบินปฏิบัติการ จำนวน 223 วัน 4,299 เที่ยวบิน ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 3,621.83 ตัน มีฝนตกรวม 58 จังหวัด มีพื้นที่ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น จำนวน 137.57 ล้านไร่ จากพื้นที่การขอรับบริการและพื้นที่ภัยแล้งทั้งหมด 181.05 ล้านไร่
ในปัจจุบันยังมีเกษตรกรและอาสาสมัครฝนหลวงแต่ละพื้นที่ขอรับบริการฝนหลวงเพื่อใช้ทำการเกษตรอยู่จำนวน 8.30 ล้านไร่ เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าวในบางภูมิภาค ประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตอับฝน มีฝนตกน้อย จึงทำให้มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับพืชบางชนิด อาทิ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ที่มีความต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตให้ทันฤดูกาลเก็บเกี่ยวปลายปีนี้ และจากการปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท และสิงห์บุรี
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ประสานข้อมูลกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีเขื่อนและอ่างเก็บน้ำจำนวนมากที่มีความต้องการน้ำสำหรับรองรับการใช้การในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและช่วงชิงขึ้นปฏิบัติการทันทีที่อากาศเอื้ออำนวย โดยตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2561 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำแล้วทั้งสิ้นจำนวน 138.425 ล้าน ลบ.ม. จากแผนคาดการณ์ 155 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ สำหรับการปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปรับแผนขยายเวลาการทำงานจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ หรือต่อเนื่องไปหากสภาพอากาศมีความเหมาะสมในการทำฝน จึงขอให้ประชาชนและพี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะปฏิบัติหน้าที่และช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ