พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ และนำกำลังพลและเครื่องมือช่าง เร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย จากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, พัทลุง, สงขลา,ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส ตรังและสตูล รวมทั้ง อ.ทับสะแก จ. ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีคลื่นลมแรงและระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวงกว้าง มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 15,000 ครอบครัว
พล.อ.ประวิตร ได้กำชับขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์ระดับน้ำในพื้นที่ และสนับสนุนฝ่ายปกครองและส่วนราชการในพื้นที่ พยายามเร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างทั่วถึง ในการอพยพประชาชนเด็กและคนชราออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย การแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์และสนับสนุนทางการแพทย์ การสนับสนุนเครื่องมือช่างในการระบายน้ำและจัดทำแนวกั้นน้ำ
รวมทั้งการอำนวยความสะดวกการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเส้นทางที่ถูกตัดขาด พร้อมทั้งขอให้ตำรวจในพื้นที่ เข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ประกอบกับหลายพื้นที่ดินเริ่มชุ่มน้ำ ทำให้มีความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ พื้นที่ลาดเชิงเขา สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร และทะเลอันดามันห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 17 – 19 ธันวาคม 2561
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ปริมาณฝนสะสม ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งเสริมแนวคันกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมขังและพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด