นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า กรมทางหลวงชนบท ได้สั่งการหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ รองรับสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก โดยให้แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินสถานการณ์ทุก 2 ชั่วโมง พร้อมเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร ป้ายเตือน สะพานเบลีย์ และยานพาหนะ พร้อมเข้าดำเนินการช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึงบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ให้จัดรถโมบายช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นได้ชั่วคราวก่อนการเคลื่อนตัวของพายุ
โดยแบ่งการเตรียมความพร้อมรับมือเป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. ก่อนเกิดเหตุ (Preparation)
1.1 ดำเนินการทำความสะอาดช่องทางระบายน้ำ พร้อมทั้งจัดชุดลาดตระเวนเส้นทางที่มีความเสี่ยง กรณีเกิดเหตุการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง และมีต้นไม้ล้มบนเส้นทางหลวงชนบท ให้เข้าดำเนินการเคลียร์เส้นทางโดยเร็ว
1.2 เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และตรวจสอบพื้นที่เพื่อป้องกันทางหลวงชนบทในความรับผิดชอบ (Prevention) โดยเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง/พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ หรือเคยได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติที่ผ่านมา รวมทั้งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของถนนและสะพาน
1.3 เตรียมเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือ เครื่องจักรกล ป้ายเตือน ต่างๆ
นอกจากนี้ กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าไว้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักร ยานพาหนะ กรณีมีการร้องขอจากหน่วยงานในพื้นที่อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์
2. เมื่อเกิดเหตุ ให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และรายงานข้อมูลสายทางที่ประสบอุทกภัยให้กับผู้บริหารจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์จะดำเนินการดังนี้
2.1 กรณีน้ำท่วมสูง ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือนในบริเวณที่มีน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง ติดตั้งหลักนำทางกำหนดขอบเขตการจราจร
2.2 กรณีถนน/สะพานขาด เร่งดำเนินการติดตั้งสะพานเบลีย์เชื่อมทาง หรือดำเนินการถมวัสดุเชื่อมเส้นทางเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางในการสัญจรได้โดยเร็ว
2.3 กรณีดินไหล่เขาข้างทาง Slide ปิดทับเส้นทาง ดำเนินการนำเครื่องจักรเข้าเกลี่ยดินออกจากเส้นทาง ให้สัญจรโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการสัญจร
2.4 กรณีประชาชนเข้าที่พักอาศัยไม่ได้ จะจัดรถบรรทุกไว้ให้บริการรับส่งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
3. หลังน้ำลด
หากเส้นทางชำรุดเสียหายจะเข้าซ่อมแซมชั่วคราวให้ประชาชนสัญจรได้ภายใน 7 วัน และสำรวจ ออกแบบ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูฯ ให้เข้าสู่สภาพปกติ ซึ่งจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นในการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร
ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบท ขอความร่วมมือประชาชน "ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัดนิรภัย และมอเตอร์ไซค์เปิดไฟ ใส่หมวกกันน็อก" ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โปรดระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประสบกับอุทกภัย และโปรดสังเกตป้ายจราจรเตือนระดับน้ำ หรือป้ายหลีกเลี่ยงเส้นทาง