นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อเปิดศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดจากอิทธิพลพายุโซนร้อน "ปาบึก"
สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ เขื่อนขนาดใหญ่ที่น้ำมากกว่า 80% ของความจุ ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน (86%) จังหวัดเพชรบุรี มีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 1.02 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบาย 1.30 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนปราณบุรี (90%) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 3.17 ล้านลูกบาศก์เมตร ออก 9.23 ล้านลูกบาศก์เมตร และ เขื่อนรัชชประภา (83%) จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 1.31 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบาย 1.30 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยสทนช. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งพร่องน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกเพิ่มในระยะต่อไป ในส่วนของการเตรียมการเผชิญเหตุ กรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือไปติดตั้งในทุกพื้นที่ทั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด รถ รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องผลิตน้ำดื่ม รถกู้ภัย และการจัดเตรียมถุงยังชีพ อีกทั้งประสานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติจะได้มีการประชุม วิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อวางแผนเผชิญเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชน เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 ม.ค.) เป็นวันแรก จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ