นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "ปาบึก" (PABUK) ซึ่งขึ้นฝั่งที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง โดยคาดว่าวันที่ 5 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ กฟผ.ได้มีการติดตามสถานการณ์ ทั้งในด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า และสถานการณ์น้ำในเขื่อนภาคใต้ โดยด้านระบบส่งกระแสไฟฟ้า ได้สั่งการควบคุมดูแลระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงภาคกลาง – ภาคใต้เพิ่มขึ้น พร้อมจัดเตรียมเสาส่งไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน ด้านระบบผลิตได้สั่งการเดินเครื่องโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง เพื่อเสริมการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ สำหรับด้านเชื้อเพลิงได้จัดเตรียมน้ำมันสำรองสำหรับผลิตไฟฟ้า เพื่อทดแทนในกรณีที่การส่งจ่ายก๊าซธรรมชาติจำเป็นต้องลดกำลังผลิตหรือเกิดขัดข้อง และประสานรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียในกรณีจำเป็นไว้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ กฟผ. ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนรัชชประภาและเขื่อนบางลาง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับการควบคุม โดยเขื่อนรัชชประภา มีปริมาณน้ำอยู่ที่ระดับ 83.11% ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 952.45 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนบางลาง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ระดับ 75% ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 361.44 ล้าน ลบ.ม. โดยปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนต่ำกว่าการคาดการณ์ไว้มาก ซึ่งปัจจุบันเขื่อนทั้งสองของ กฟผ. ได้หยุดเดินเครื่อง เพื่อบรรเทาสถานการณ์ระดับน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นบริเวณท้ายเขื่อน นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติเขาสก ยังได้ประกาศปิดการท่องเที่ยวบริเวณเขื่อนรัชชประภาเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 – 5 มกราคม 2562 เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว
"กฟผ. ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการ กฟผ. เพื่อติดตามสถานการณ์ รวมทั้งร่วมปฏิบัติการกับศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานของกระทรวงพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ กฟผ. ได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่จัดเตรียมทีมกู้ภัยเฉพาะกิจเดินทางไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งจัดส่งถุงยังชีพสำหรับบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยด้วย" โฆษก กฟผ. กล่าว