นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดลำปาง มีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพและบริการสาธารณสุข 1 หลัง พร้อมที่จอดรถในวงเงิน 1,209 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ 358.60 ล้านบาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ 850.40 ล้านบาท และให้ มช.จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ, เพื่อเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคเฉพาะทางในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และนานาชาติ, เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในการบริการสุขภาพทางเลือกใหม่, เพื่อเป็นศูนย์เครื่องมือกลางรักษาโรคเฉพาะทางในเขตภาคเหนือตอนบน และเพื่อเป็นศูนย์กลางเรียนรู้ และพัฒนาทักษะของบุคลากรทางการแพทย์
โครงการดังกล่าวจะเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย โดยสามารถรับผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น 400,000 ราย/ปี ผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น 30,000 ราย/ปี และผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูในระยะยาวเพิ่มขึ้น 2,000 ราย/ปี, เกิดศูนย์กลางในการรักษาโรคเฉพาะทางในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือ อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และนานาชาติ ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์โรคทางสมอง ศูนย์โรคทางเดินอาหาร ศูนย์ดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ศูนย์ดูแลสุขภาพสตรีและเด็ก, ผลิตแพทย์เฉพาะทาง และนักวิทยาศาสตร์สุขภาพเพิ่มขึ้น จำนวน 500 คน/ปี, บุคลากรทางการแพทย์ได้รับการพัฒนาความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย 2,500 คน/ปี, เกิดเครือข่ายการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาล 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ, มีผลงานการศึกษาและวิจัยเพื่อรักษาสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการรักษาพยาบาล อย่างน้อย 50 ผลงาน/ปี
นอกจากนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ให้สามารถแข่งขันในธุรกิจบริการสุขภาพกับนานาชาติ, เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับบริการสุขภาพที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ, ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ในการบริการสุขภาพทางเลือก การท่องเที่ยวแบบพักอาศัยระยะยาว การให้บริการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่มีความต้องการได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ, สร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศ, เกิดศูนย์กลางในการรักษาโรคเฉพาะทางในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือ อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และนานาชาติ ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ, รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของโลกที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ที่จะต้องอาศัยการดูแลด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น และลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ และแพทย์เฉพาะทาง และได้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะความรู้ความสามารถ