โฆษกรัฐบาลเชื่อก่อการร้ายต่างชาติหนุนกลุ่มป่วนใต้-เชื่อมโยงค้ายาเสพติด

          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายสากลต่างประเทศ และอาจเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับกลุ่ม"อัลกออิดะห์" รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด โดยเชื่อว่าแนวโน้มการก่อเหตุรุนแรงยังคงมีต่อเนื่องไปอีก ตราบใดที่แกนนำระดับสูงยังอยู่ในพื้นที่ และมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 
          นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กลับมาทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงช่วงปีใหม่เป็นต้นมาไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่ แต่เป็นไปตามวัฎจักรของการก่อเหตุ
          "ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน แต่เป็นวงรอบของการทำงานเพื่อสร้างผลงานและสร้างความฮึกเหิมให้กับผู้ร่วมขบวนการหลังเทศกาลฮารีรายอ ประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐมีความอ่อนล้าหลังการปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก รวมถึงการผลัดเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่จนทำให้เกิดช่องว่างของการทำงาน เกิดการรั่วไหลของข้อมูล"นายไชยา กล่าว  
          ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่หลังจากนี้ไปจะยังคงยึดกรอบแนวนโยบายการทำงานเดิม โดยเน้นการเอาชนะทางความคิด ใช้กฏหมายอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และปราบกลุ่มติดอาวุธที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
          "ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุมีไม่มากแต่แนวร่วมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น และแนวโน้มจะไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ภาพรวมของการทำงานจึงไม่น่าหนักใจ ซึ่งการทำงานในปี2551 จะเน้นงานด้านมวลชนมากขึ้นเพื่อให้กำลังด้านประชาชนมีความเข้มแข็ง" โฆษก กอ.รมน. กล่าว
          กอ.รมน.ตั้งเป้าปรับลดจำนวนหมู่บ้านสีแดงที่ขณะนี้ลดลงไปแล้วกว่า 50% ให้เป็นหมู่บ้านสันติสุขอีก 72 หมู่บ้าน ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำศาสนาและอุซตาสให้มากขึ้น
          ส่วนสาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตในปี 50 เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อนทั้งๆ ที่เหตุรุนแรงลดลงนั้น โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า เป็นเพราะผู้ก่อเหตุมีพัฒนาการของรูปแบบการก่อเหตุ โดยเฉพาะการใช้วัตถุระเบิดมากขึ้น เจ้าหน้าที่กำลังประมวลภาพและแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ยุทธวิธีการทำงานของผู้ก่อเหตุที่จะทำในลักษณะเป็นวงรอบที่จะเริ่มจากเจ้าหน้าที่รัฐ สถานที่สำคัญ และประชาชนผู้บริสุทธิ์