พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการและกำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกหน่วยงานในภาครัฐหามาตรการในการลดปัญหาการก่อฝุ่นละออง รวมถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ยังมีข้อกังวลของประชาชนกรณีโรงซ่อมที่สถานีมักกะสันที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่นละออง และขอความร่วมมือไปยังภาคส่วนอื่นด้วย โดยเฉพาะภาคการขนส่ง และรถบริการสาธารณะต่างๆ ที่ต้องร่วมมือกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการห้ามรถของส่วนราชการติดเครื่องยนต์รอในขณะที่ยังไม่ใช้งานเพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งตนเองได้กำชับและทำเป็นแบบอย่างแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดบทลงโทษ เพียงแต่หาแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมเท่านั้น
"ผมก็ได้ย้ำไปในที่ประชุม รถราชการไม่ต้องติดรถรอนาย รถผม ผมก็สั่งไม่ต้องติดเครื่องรอเพราะมันเหม็น และสิ้นเปลืองน้ำมันด้วย เครื่องยนต์ก็เสื่อมโดยใช่เหตุ เปิดแอร์นั่งรอนายแบบนี้ไม่ให้ ผมก็ทำเป็นตัวอย่างไปแล้ว ทุกคนก็ต้องช่วยด้วย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน รฟท.กล่าวว่า ได้สั่งให้บริษัทเอกชนที่ได้รับว่าจ้างจากการรถไฟฯ ให้เข้ามาปรับปรุงสภาพภายนอกของรถโดยสาร ในโรงงานมักกะสัน ชะลอการซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในช่วงที่เกิดปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลออกไปก่อนขณะเดียวกัน รฟท.ยังเตรียมร่วมหารือกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อปรับหาวิธีการซ่อมแซมสภาพตัวรถใหม่ ที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนข้างเคียงและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดอีกด้วย
นอกจากนี้ รฟท.ได้สั่งการให้บริษัทเอกชน ชะลอการซ่อมแซมรถโดยสารที่โรงงานมักกะสันเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองแล้ว รฟท.ยังสนับสนุนให้การเดินรถของ รฟท.เป็นการเดินรถไฟแบบสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการเผาไหม้จากเชื้อเพลิงในระยะยาว ด้วยการมอบหมายให้ฝ่ายการช่างกลพัฒนาระบบรถพาวเวอร์คาร์ขึ้นมาใช้งานเพียงคันเดียวในการจ่ายไฟไปใช้ในขบวนรถโดยสารทั้งขบวน ซึ่งทำให้สามารถประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนยังรับนโยบายจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมในการนำน้ำมันบี 20 มาทดสอบใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเดินรถขบวนรถโดยสาร เพื่อลดปัญหาการปล่อยมลพิษ แก้ปัญหาการเกิดฝุ่นละอองในอากาศให้ลดลง และคาดว่าจะเริ่มทดสอบนำมาวิ่งเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ด้วย
นายศิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีการเผยแพร่ภาพที่บริเวณโรงงานมักกะสัน โดยมีช่างกำลังดำเนินการซ่อมแซมรถโดยสาร โดยใช้แก๊สเผาสีด้านนอกจนเกิดควัน และเกรงว่าจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นภาพของช่างซ่อมจากบริษัทเอกชนที่ว่าจ้างมาปรับปรุงสภาพภายนอกของรถโดยสารให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการซ่อมวาระหนักของรถโดยสารประเภทเหล็กธรรมดา ด้วยการลอกสีโป๊วเดิมออกให้ถึงเนื้อเหล็ก ซึ่งตามขั้นตอนจะมีการให้ความร้อนบริเวณผิวบางส่วนที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเผาไหม้หมดทั้งคัน ซึ่งอาจจะมีการเกิดควันขึ้นบ้างเล็กน้อย
"ที่ผ่านมาการเปิดให้โรงงานมักกะสันซ่อมวาระหนักของรถโดยสารประเภทเหล็กธรรมดา จะมีการเปิดซ่อมรอบหนึ่งต่อ 4 ปี และทำการซ่อมเฉพาะช่วงที่มีสัญญาซ่อมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีปริมาณการซ่อมแซมปริมาณที่มาก เพราะเฉลี่ยแล้ว เดือนหนึ่งมีการซ่อมแซมไม่ถึงสิบคัน โดยเฉลี่ยคันหนึ่งจะใช้เวลาลอกสีประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น และรถโดยสารบางส่วนก็มีการกระจายนำไปซ่อมแซมตามโรงงานต่างจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย"