นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค เปิดแถลงจุดยืนทางการเมืองว่า หากในวันที่ 24 มี.ค.62 ชนะการเลือกตั้งได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลักเกณฑ์ในการรวมรวมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลจะคำนึงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างสุจริตไม่ใช่แค่การผ่านกระบวนการเลือกตั้ง และไม่มีการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะกลายเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้ง ทำให้เหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองย้อนกลับมาเกิดขึ้นได้อีก
"หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเลือกพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่สุจริตและไม่มีการสืบทอดอำนาจ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ตนเองไม่ได้มีปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในทางตรงกันข้ามเคยได้ทำงานร่วมกันมา แต่ตนเองไม่เห็นด้วยกับการบริหารของรัฐบาล คสช.ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตัดสินใจในวันนี้อยู่บนพื้นฐานที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เส้นทางการเมืองในอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพึ่งพาพรรคการเมือง เพราะหลังการเลือกตั้งไม่สามารถใช้มาตรา 44 ได้แล้ว แม้ขณะนี้เองยังไม่สามารถควบคุมนโยบายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้นำเสนอต่อประชาชน เช่น เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.ทองคำ หรือนโยบายข้าว
"ถ้าจะดึงพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลก็ต้องดูว่านโยบายมีการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ยังมองไม่ออกว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐไม่มีพลเอกประยุทธ์จะเป็นอย่างไร เพราะไม่ได้เป็น ส.ส. ขณะที่ผู้บริหารพรรคหลายคนก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า หากจะเชิญพรรคเพื่อไทย (พท.) มาร่วมรัฐบาล เท่าที่ดูแล้วนโยบายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะมีการครอบงำ และการอ้างเป็นพรรคการเมืองประชาธิปไตยเพียงแค่ผ่านการเลือกตั้งนั้นคงไม่ได้ เพราะจะเกิดความขัดแย้งเหมือนในต่างประเทศ
ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นคงไม่เกิดขึ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ที่มีข่าวอาจมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคบางคนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่าจะสามารถดูแลไม่ให้เสียงแตกได้ เพราะพรรคมีระเบียบดูแลไม่ให้ทำผิดไปจากอุดมการณ์
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า หากพรรคไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นหลักสากลอยู่แล้ว แต่ตนเองมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ประชาชนเลือก ซึ่งประชาชนก็ตอบรับดีหลังประกาศจุดยืนทางการเมืองในเรื่องนี้ออกไป เพราะรู้ชัดว่าถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์แล้วได้อะไร