นิตยสาร Forbes Thailand จัดอันดับ 50 รายชื่ออภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2562 พบว่า
อันดับ 1 พี่น้องเจียรวนนท์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลค่าทรัพย์สิน 2.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (9.41 แสนล้านบาท)
อันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล มูลค่าทรัพย์สิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญ (6.70 แสนล้านบาท)
อันดับ 3 นายเฉลิม อยู่วิทยา เครือกระทิงแดง อายุ 68 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 1.99 หมื่นล้านเหรียญ (6.35 แสนล้านบาท)
อันดับ 4 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ อายุ 75 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 1.62 หมื่นล้านเหรียญ (5.17 แสนล้านบาท)
อันดับ 5 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (ขึ้นจากอันดับ 7) บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) อายุ 53 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 5.2 พันล้านเหรียญ (1.66 แสนล้านบาท)
อันดับ 6 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (ติดอันดับใหม่) บมจ.คิง เพาเวอร์ อายุ 33 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 4.7 พันล้านเหรียญ (1.50 แสนล้านบาท)
อันดับ 7 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ขึ้นจากอันดับ 8) บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) อายุ 86 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 3.4 พันล้านเหรียญ (1.08 แสนล้านบาท)
อันดับ 8 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (ขึ้นจากอันดับ 12) บมจ.โอสถสภา มูลค่าทรัพย์สิน 3 พันล้านเหรียญ (9.57 หมื่นล้านบาท)
อันดับ 9 นายวานิช ไชยวรรณ (ขึ้นจากอันดับ 10) บมจ.ไทยประกันชีวิต อายุ 87 มูลค่าทรัพย์สิน 2.85 พันล้านเหรียญ (9.09 หมื่นล้านบาท)
อันดับ 10 นายสมโภชน์ อาหุนัย (ขึ้นจากอันดับ 18) บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) อายุ 51 ปี มูลค่าทรัพย์สิน 2.83 พันล้านเหรียญ (9.03 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ Forbes Thailand ระบุว่า มหาเศรษฐีไทย 4 อันดับแรก มูลค่าความมั่งคั่งลดลง โดยพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ยังคงรั้งอันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2.95 หมื่นล้านเหรียญ (9.41 แสนล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยจาก 3 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว หลังดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มานาน 25 ปี โดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสแห่งซีพี ประกาศลงจากตำแหน่งซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเรือธงของกลุ่มเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ธนินท์ยังคงนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ผู้ดำเนินการเครือข่ายร้าน 7-Eleven ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ส่วนอันดับ 2 เป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีทรัพย์สินสุทธิ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ (6.70 แสนล้านบาท) แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วที่ 2.12 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับ 3 เป็นของนายเฉลิม อยู่วิทยา แห่งกระทิงแดง แม้ความมั่งคั่งจะลดลงมาอยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านเหรียญ (6.35 แสนล้านบาท) จาก 2.1 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อนหน้า และอันดับ 4 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 1.62 หมื่นล้านเหรียญ (5.17 แสนล้านบาท) ลดลง 1.2 พันล้านเหรียญ จาก 1.74 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2561
อย่างไรก็ตาม 1 ใน 3 ของมหาเศรษฐีที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในทำเนียบปีนี้ มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยผู้ที่มั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ คือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี นักธุรกิจใหญ่ด้านพลังงาน ซึ่งทรัพย์สินทะยานขึ้น 1.8 พันล้านเหรียญ (5.74 หมื่นล้านบาท) ไปอยู่ที่ 5.2 พันล้านเหรียญ (1.66 แสนล้านบาท) ส่งผลให้เขาคว้าตาแหน่งท็อป 5 มาได้เป็นครั้งแรก หุ้นของเขาใน บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) พุ่งขึ้น 57% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เริ่มดำเนินการแล้ว และรายได้ของบริษัทเมื่อปี 2561 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ไปอยู่ที่ 628 ล้านเหรียญ (2.02 หมื่นล้านบาท)
มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างโดดเด่นอีกราย คือ ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (อันดับ 8 มูลค่า 3 พันล้านเหรียญ) มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.3 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว หลังจากได้นำเอาบริษัท โอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังอายุ 128 ปี เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ภายใต้การบริหารของเพชร โอสถานุเคราะห์ นักสะสมงานศิลปะตัวยงและอดีตนักร้องเพลงป๊อป บริษัทโอสถสภาก่อตั้งขึ้นโดยปู่ทวดของเขา ที่เริ่มต้นจากร้านขายยาสมุนไพรเล็กๆ
สำหรับในปีนี้ มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่อีก 4 ราย ได้แก่ นายชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ (อันดับ 23 มูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญ) ประธานเครือเบทาโกร บริษัทอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร, นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (อันดับ 6 มูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญ) วัย 33 ปี ซึ่งอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ ได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดาผู้ล่วงลับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ขึ้นเป็นซีอีโอ คิง เพาเวอร์ บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากร
ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช (อันดับ 29 มูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญ) กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปรากฏชื่อในทำเนียบเป็นครั้งแรก หลังจากที่นายชาตรี โสภณพนิช ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนตระกูลมาลีนนท์ (อันดับ 47, 600 ล้านเหรียญ) แห่งบริษัทสื่อ บีอีซีเวิลด์ ก้าวเข้ามาเป็นหน้าใหม่ในทำเนียบเช่นกัน
ในบรรดา 4 มหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่ทำเนียบอีกครั้งรวมถึงนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (อันดับ 45 มูลค่า 640 ล้านเหรียญ) หวนคืนตำแหน่งหลังหยุดชะงักไป 5 ปี บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) บริษัทผลิตซีเมนต์และคอนกรีตของเขา กลับมาทำกำไรได้ 45 ล้านเหรียญในปี 2561 ซึ่งช่วยดันให้หุ้นบริษัทปรับขึ้น 14% เมื่อปีที่แล้วมูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำในการจัดอันดับปีนี้อยู่ที่ 565 ล้านเหรียญ ลดลงจาก 600 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว