นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เผยเตรียมผลักดันโครงการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับสมาชิกสหกรณ์ให้มากขึ้น เพิ่มเติมจากรายได้จากปลูกพืชชนิดเดียวหรือรอรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิตปีละเพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่พอจ่าย กระทบต่อการชำระหนี้กับสหกรณ์หรือสถาบันการเงิน โดยจะให้แต่ละสหกรณ์ไปคิดว่าต้องการทำอาชีพอะไร เพื่อที่จะได้ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ จากนั้นกรมจะช่วยเหลือในเรื่องทุนให้กับสมาชิกผ่านสหกรณ์
ทั้งนี้เป็นผลจากการหารือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ที่พบว่า ลูกค้า ธ.ก.ส.จะกู้เพื่อนำเงินไปชำระหนี้หรือกู้สหกรณ์มาชำระ ธ.ก.ส.และปรับสัญญาใหม่ ซึ่งกรณีนี้มีรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า กลุ่มเอส 3 หรือกลุ่มสหกรณ์เกษตรกรไม่ได้ชำระจริง แต่เป็นการกู้เงินจากที่อื่น เพื่อนำเงินมาหมุนชำระหนี้ ธ.ก.ส.เพื่อขอปรับบัญชีเป็นการเพิ่มหนี้แบบพอกหางหมู ซึ่งเป็นประเด็นที่ทาง ธปท.เป็นห่วงว่าอนาคต ธ.ก.ส.จะมีปัญหา
"ธ.ก.ส.พร้อมจะช่วยสหกรณ์แก้ไขอย่างจริงจัง เพราะมาตรการพักหนี้ที่ผ่านมาพบว่าเกษตรกรไม่ได้มีการสร้างรายได้เพิ่ม หากไม่ช่วยกันแก้ไขเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรใน 3-4 ปี ทั้ง ธ.ก.ส.และสหกรณ์มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเหตุสำคัญที่สมาชิกไม่ชำระหนี้หรือค้างชำระเพราะรายได้ไม่เพียงพอ" นายพิเชษฐ์ กล่าว
ที่ผ่านมาพบว่าสหกรณ์ส่วนมากไม่ค่อยทำธุรกิจสร้างรายได้ แต่ไปเน้นในเรื่องกิจการปล่อยกู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหกรณ์ไม่ค่อยทำบทบาทสร้างรายได้ให้สมาชิก โครงการนี้จะมาตอบโจทย์ ซึ่งกรมจะใช้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ปล่อยกู้สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ โดยให้สหกรณ์ทำแผนงานโครงการเสนอเข้ามา เพื่อนำเงินไปปล่อยให้สมาชิกสหกรณ์กู้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 เพื่อให้สหกรณ์ปล่อยกู้กับสมาชิก นำไปสร้างอาชีพใหม่เพื่อสร้างรายได้และมีเงินส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์
นายสุพิทยา พุกจินดา ผู้เชี่ยวชาญกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ต้องเร่งเดินหน้าโครงการเพิ่มรายได้ให้กับสหกรณ์ เพื่อความล้มสลายขององค์การสหกรณ์ทั้งประเทศ เนื่องจากพบว่าเงินในระบบสหกรณ์ทั้งประเทศมีประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่พบว่า ปี 2560 สมาชิกมีหนี้ร่วม 175,063 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ของสหกรณ์ภาคเกษตร 163,585 ล้านบาท ภาคประมง 590 ล้านบาท นิคมสหกรณ์การเกษตร 8,227 ล้านบาท หนี้กลุ่มเกษตรกร 2,660 ล้านบาท โดยหนี้สมาชิกทั้งหมดเป็นหนี้ปกติ 133,445 ล้านบาท หนี้เอ็นพีแอล 41,618 ล้านบาท
"ตัวเลขทรัพย์สินสหกรณ์กว่า 2 ล้านล้านบาทดูดี แต่ที่น่ากลัว คือ หนี้สมาชิกทั้งสิ้นมี 175,000 ล้านบาท แยกเป็น หนี้ปกติ 1.3 แสนล้านบาท หนี้เตรียมเบี้ยวหรือเอ็นพีแอล 4 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นหนี้ 1.3 แสนล้านบาทมีหนี้หมกอีกมาก และเมื่อมาดูเอ็นพีแอลพบว่าน่ากังวลเพราะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2558 เอ็นพีแอล 31,367 ล้านบาท ปี 59 เอ็นพีแอล 36,848 ล้านบาท ปี 60 เอ็นพีแอล 40,996 ล้านบาท เพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องรวมกันคิดและพัฒนาเพื่อให้สมาชิกมีรายได้เข้ามา" นายสุพิทยา กล่าว
นอกจากนั้นพบว่า สหกรณ์การเกษตรมีเงินออมประมาณ 20,788 บาทต่อคนต่อปี หนี้สิน 27,759 บาท ติดลบ 6,971 บาทต่อคนต่อปี, สหกรณ์ประมงมีเงินออม 20,252 บาท หนี้สิน 39,562 บาท ติดลบ 19,310 บาทต่อคนต่อปี, สหกรณ์นิคมมีเงินออม 20,306 บาท หนี้สิน 39,855 บาท หนี้สิน 15,548 บาทต่อคนต่อปี, กลุ่มเกษตรกรมีเงินออม 2,751 บาท หนี้สิน 5,442 บาท ติดลบ 2,691 บาทต่อคนต่อปี