นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย 3 รมช. ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ และนายประภัตร โพธสุธน เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอันดับแรกคือการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมมาตรการรองรับให้ปริมาณน้ำมีเพียงพอ ยังไม่ถึงวิกฤตที่จะต้องประกาศภัยแล้ง รวมถึงการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการตามนโยบายประกันรายได้ที่หาเสียงไว้ แต่ต้องหารือเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมก่อน จะส่งเสริมเรื่องการตลาดนำการผลิต ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาราคาผลผลิตเกษตรได้ตามเป้า พร้อมสานต่อโครงการของรัฐมนตรีฯ คนเก่า และยังมีโรคระบาดพืช โรคระบาดสัตว์ ประมง ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขเช่นกัน
"ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานและแบ่งห้องแน่นอน ทั้ง 4 มาเพื่อทำงานแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ไม่ว่าง่ายหรือยากต้องทำให้หมด กลไกสำคัญที่สุดคือต้องทุ่มเทและทำเพื่อประชาชนให้มากที่สุด" นายเฉลิมชัย กล่าว
เมื่อถามว่าราคายาง 65 บาทในปีนี้จะได้เห็นหรือไม่ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ระยะเวลาในการดำเนินการมีขั้นตอนเพราะฉะนั้นขอให้รอดูสักระยะหนึ่ง คงไม่สามารถทำได้ทันที จะต้องคุยกับข้าราชการทั้งหมด คุยกับรัฐมนตรีทุกคน รับประกันว่าทำงานเต็มที่
"ไม่นานหรอกครับ ปีนี้เห็น... การทำงานผมไม่ผิดคำพูดอยู่แล้ว.. ผมมั่นใจว่าการบริหารจัดการยาง ผมทำเต็มที่ ส่วนจะใช้มาตรการอะไร.. ประกันเนี่ยประกันอยู่แล้ว (ประกันรายได้เกษตรกรตามที่หาเสียง)" นายเฉลิมชัย กล่าว
ด้านนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ เร่งช่วยเหลือเกษตรโดยเฉพาะชาวนา ขณะนี้ต้นทุนข้าวอยู่ที่ตันละ 5,000 บาท สถานการณ์ภัยแล้งทำให้ต้นทุนสูง แต่ผลผลิตต่อไร่ต่ำ โดยเห็นว่าควรจะมีมาตรการชดเชยรายได้ ราคาข้าวให้แก่เกษตรกร แต่จะเป็นเท่าไหร่จะขอหารือกับทุกฝ่ายก่อน
รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติคือการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยจะเชิญตัวแทนเกษตรกรจากทั้ง 15 จังหวัดมาหารือ ถึงผลกระทบจากภัยแล้ง ว่ามีความเดือดร้อนแค่ไหน ส่วนมาตรการจะต้องหารืออีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ตั้งแต่ค่ำวันนี้จะลงพื้นที่ร่วมกับ 2 รมช.เกษตรฯ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลหากจะมีม็อบเกษตรกร และยินดีให้เข้าพบเพื่อรับฟังปัญหา
ขณะที่น.ส.มนัญญา กล่าวว่า จะอาศัยประสบการณ์การทำงานในระดับท้องถิ่นที่ทำงานจริงๆมาตลอด 10 ปี มั่นใจว่ารู้ปัญหาของเกษตรกร โดยจะนำปัญหาขึ้นมาหารือ เสนอต่อ รมว.เกษตรฯ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในภาคเกษตรมากขึ้น โดยขบวนการบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญ ต้องแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด คิดว่าจะนำรูปแบบการบริหารจัดงานในท้องที่ที่ประสบความสำเร็จมาบริหารในระดับประเทศต่อ ส่วนที่มีคนมองว่า 4 คน มาจาก 4 พรรค จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าจะช่วยทำให้การทำงานมีความหลากหลายมากขึ้น ทุกปัญหาทุกนโยบายจะต้องมีการหารือ ให้เกิดการแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างแท้จริง เพื่อภาพรวมของประเทศ
ส่วนร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า การทำงานครั้งนี้จะต้องล้างภาพรัฐมนตรีแบล็กลิสต์ เพราะตัวเองมาจากดินเข้าใจสินค้าเกษตรดี ว่าเกษตรกรผลิตไม่มีที่ขายจึงต้องหาตลาดให้โดยตั้งใจทำทันที ส่วนการซักฟอกของฝ่ายค้านเตรียมรับมือไว้แล้วไม่กังวลใดๆ