พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่าง 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน
พร้อมเปิดตัวแนวทาง 10 แพ็คเกจ ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ลดพฤติกรรมทางสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ต่อการเกิดโรคเรื้อรังและโรคจากการประกอบอาชีพ ซึ่งการทำงานร่วมกันครั้ง นี้เป็นการลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ โดยปรับปรุงฐานข้อมูลสารสนเทศ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้มีความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนามวันนี้เพื่อนำร่องไปสู่เรื่องอื่นต่อไป เพราะสุขภาพที่แข็งแรง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คนมีความสุข รัฐบาลส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัยทั้งกายและใจ ที่ผ่านมา ไทยได้รับการจัดอันดับการประเมินสุขภาพเป็นอันดับ 6 ของโลก จากทั้งหมด 89 ประเทศที่เข้ารับการประเมิน ถือเป็นอันดับต้นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าไทยทัดเทียมกับต่างประเทศ ซึ่งระบบหลักประกันสุขภาพต่างๆ เริ่มต้นมาตั้งแต่สถาบันที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ รัฐบาลแต่ละชุดได้ขับเคลื่อนและส่งต่อมายังรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนในวัยทำงานเป็นกำลังสำคัญของประเทศและภาคธุรกิจ จำเป็นต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้ดีขึ้นด้วย เพราะทุกคนมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสังคม สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกด้านของคนวัยทำงาน 51 ล้านคน โดยต้องเริ่มต้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังต่างๆ ที่ต้องใช้เวลาและเงินในการรักษา ดังนั้นต้องลดอัตราความเจ็บป่วย เพราะจะช่วยลดงบประมาณให้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ
"การลงนามวันนี้ ต้องนำไปปฎิบัติให้ได้ และต้องมีเป้าหมาย กรอบระยะเวลาที่ดำเนินการ และติดตามผลสัมฤทธิ์ อีกทั้งต้องเตรียมคนไทยให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ รวมถึงภัยธรรมชาติ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โชคดีที่ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้ว่าบางคนก็อยากให้ตนตายๆไป ซึ่งทุกวันนี้ก็มีคนเกลียดชัง แต่เชื่อว่าคนรักก็มีมากเช่นกัน และแม้เป็นโรคเครียดรุมเร้าหลายอย่าง แต่ก็ยังสู้ได้ เพราะไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อคนในชาติ ซึ่งวันนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขกันไป และแม้จะถูกตำหนิ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าเป็นคนรับใช้ประชาชน
นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงที่คนยุคปัจจุบันเป็นโรคติดโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียด สื่อมวลชนก็ถือว่ามีส่วนช่วยได้ โดยอย่าทำให้สังคมเกิดความเครียด และอย่าทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง