นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ชุดจับกุมดำเนินการ"ปฏิบัติการปราบปรามนื้อหาไม่เหมาะสม"ร่วมกันจับกุมชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1520/2562 ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(3) "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรฯ" เนื่องจากมีพฤติการณ์โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ (Hashtag) ที่ไม่เหมาะสม และผ่านเฟซบุ๊ก สร้างความเกลียดชัง อัตราโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การภาคเสธ
ทั้งนี้ ข้อความที่โพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นประมาณร้อยข้อความและแชร์ข้อความประมาณ 50 ครั้งจนอาจทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
รมว.ดีอี กล่าวว่า กรณีประชาชนตรวจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์ สามารถรายงานปิดกั้นเบื้องต้นตามช่องทางของสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภทหรือแจ้งมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินการปิดกั้นระงับยับยั้งตามช่องทางของกฎหมาย และสืบสวนจับกุมผู้นำเข้าเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อไป
พร้อมกันนี้ ฝากร้านค้าและร้านกาแฟที่เปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ต Wifi ภายในร้านให้ลูกค้าใช้บริการให้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางอินเตอร์เน็ตของผู้ลงทะเบียน (logfiles) ของร้านเป็นเวลา 90 วัน ทั้งนี้ตามที่ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 26 กำหนดไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ตรวจสอบ กรณีที่มีผู้เข้ามากระทำความผิดในร้านจะสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานเครือข่ายได้ จึงขอความร่วมมือให้ผู้ให้บริการดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า ประเทศไทยมีเสรีภาพในการโพสต์ การแชร์ หรือคอมเมนต์ แต่ต้องมีวิจารณญาณว่าเรื่องที่โพสต์ไปเป็นความจริงหรือไม่ และหากโพสต์ไปจะมีใครเสียหายหรือไม่ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่แชร์และคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวร่วมหลักร้อยนั้น จากนี้ก็จะพิจารณาว่าต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำหรือไม่ต่อไป
และขอฝากเตือนว่า สำหรับประชาชนผู้ใดที่แชร์ หรือส่งต่อข้อความลักษณะดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (5) ต้องระวางโทษเท่ากับผู้โพสต์หรือผู้นำเข้าสู่ระบบเช่นกัน