นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ในนามของผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเข้าถึงและรู้จริงกับปัญหาปากท้องของชาวบ้านตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริโภคด้วยการแนะนำให้ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อชิ้นส่วนอื่นของหมูที่ไม่ได้มีราคาแพงเหมือนเนื้อแดง เช่น กระดูกหมู ราคาเพียงกิโลกรัมละ 22 บาท มาปรุงเมนูกระดูกหมูต้มฟัก รับประทานกันทั้งครอบครัว หรือเลือกซื้อหมูสามชั้น ซึ่งมีราคาถูกกว่าหมูเนื้อแดง เป็นต้น
"ผมต้องขอชื่นชมและขอขอบคุณท่านนายกสมัครที่เข้าใจพวกเราเกษตรกรคนเลี้ยงหมู และขอให้กำลังใจท่านในการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูในระยะยาว
นายสุรชัย กล่าวว่า ราคาสินค้าเกษตร-ปศุสัตว์มีขึ้นมีลง ซึ่งปัญหาเนื้อหมูที่มีราคาสูงในปัจจุบันก็เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ต่อเนื่องคือวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพง รวมถึงปริมาณหมูที่น้อยลงจากการแก้ปัญหาราคาหมูตกต่ำเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน ไม่ได้ขึ้นราคาตามใจชอบของผู้เลี้ยง
ดังนั้น การกำหนดเพดานราคาที่กระทรวงพาณิชย์พูดถึงจะมีผลในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องล้มหายตายจากกันหมด
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู มีอาชีพเดียวในการเลี้ยงชีพดำรงชีวิต ซึ่งหากไร้ซึ่งความเข้าใจจากภาครัฐแล้ว จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องหมดไปจากประเทศไทย ขณะที่ผู้บริโภคมีทางเลือก ในการบริโภคอาหารโปรตีนอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อสินค้าโปรตีนชนิดใดมีราคาแพงขึ้น ก็สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนไปเลือกบริโภคโปรตีนชนิดอื่นทดแทน เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เต้าหู้ ฯลฯ เป็นต้น
ด้านนายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า เกษตรกรได้ยืนยันถึงราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่กิโลกรัมละ 58 บาทในขณะนี้ เพราะคุ้มต้นทุนที่ทำให้ผู้เลี้ยงอยู่ได้ จากที่ต้องประสบกับภาวะขาดทุนมาตั้งแต่ปลายปี 2549 จนถึงสิ้นปี 2550 เป็นระยะเวลา 14 เดือน โดยก่อนหน้าต้นทุนการผลิตอยู่ที่ตัวละ (100 กก.) 4,559 บาท ราคาขายสุกรขุนอยู่ที่ตัวละ 3,805 บาท ขาดทุนตัวละ 754 บาท แต่ขณะนี้ขายได้ตัวละ 5,800 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 5,481.56 บาท มีกำไรตัวละ 318.44 บาท และกระทรวงพาณิชย์ จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ก็ต้องยอมให้ปรับราคาหน้าฟาร์มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือกันถึงการปรับสูตรราคาหมูใหม่ ซึ่งจากเดิมจะใช้สูตรราคาสุกรมีชีวิต คูณ 2 บวก 2 เป็นราคาขายปลีก และจะใช้สูตรใหม่ เป็นคูณ 80% บวก 2 ซึ่งเกษตรกรเห็นว่า การแก้ไขปัญหาน่าจะมีใช้สูตรเดิมคือคูณ 2 แต่ จะบวกลบได้ 2-4 บาท ตามราคาหมูเป็น โดยมีเกณฑ์ขั้นสูงขั้นต่ำของราคาหมูเป็น คือ หากราคาต่ำกว่า 35 บาทต่อกก. ก็ให้บวกเพิ่ม แต่ราคาเกินกว่า 55 บาทต่อกก. ก็ให้ลบ ส่วนจะบวกหรือลบกี่บาทนั้น ต้องคุยกัน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จะเชิญผู้ผลิตอาหารสัตว์มาหารือถึงสถานการณ์วัตถุดิบ รวมทั้งจะเชิญโรงชำแหละ และเขียงหมู มาหารือ เพื่อหาทางทำให้ราคาหมูมีราคาสอดคล้องกับความเป็นจริงให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เชิญสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจากจังหวัดต่างๆ มาหารือเรื่องการปรับราคาสุกรมีชีวิตให้เกิดความเป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตและสภาพการค้าที่แท้จริง โดยมีผู้มาเข้าร่วมประมาณ 300 คน แต่นายมิ่งขวัญไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ เนื่องจากป่วยกระทันหัน
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--