น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) หรือการยกเว้นอากรขาเข้ายาในกลุ่มยากำพร้า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยสาระสำคัญของร่างประกาศฉบับนี้ จะยกเว้นอากรขาเข้าผลิตภัณฑ์ยารักษา หรือยาป้องกันโรค ในตอนที่ 30 เฉพาะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข และระบุ (P) ต่อท้ายในเลขทะเบียนตำรับยา เว้นแต่ยาที่มีการผลิตในประเทศ 11 รายการ
"ยากำพร้า คือยาที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นยาที่จำเป็นต่อการให้บริการผู้ป่วย เพื่อวินิจฉัย บรรเทา บำบัด ป้องกันและรักษาในโรคที่พบได้น้อย หรือเป็นโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรง หรือโรคที่ก่อให้เกิดการทุพพลภาพอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นยาที่มีอัตราการใช้ค่อนข้างต่ำ เช่น ยารักษาภาวะหัวใจวาย, ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง, ยาป้องกันโรคมาลาเรีย" น.ส.ไตรศุลีกล่าว
พร้อมระบุว่า ยากำพร้าส่วนใหญ่ไม่ได้มีการผลิตภายในประเทศไทย เนื่องจากไม่คุ้มค่าการลงทุน จึงทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนยากำพร้า เพราะไม่มียาอื่นสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ ซึ่งยากำพร้าบางรายการมีราคาสูง ทำให้ประชาชนเข้าถึงยาได้ยาก
"การลดอัตราภาษีนำเข้ายากำพร้าในกลุ่มนี้ อาจจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราว 20 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยากลุ่มนี้ได้มากขึ้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตยาในประเทศด้วย" รองโฆษกฯ ระบุ