นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ วันนี้ได้รับทราบ 4 โครงการใหญ่ รวมถึงโครงการพักชำระหนี้และส่งเสริมสวัสดิการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารฯ ชุดใหม่ไปพิจารณาโดยเร็ว คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์จะนำเข้าสู่การพิจารณาในคณะกรรมการกองทุนหมู้บ้านฯ ตั้งเป้าหมายให้ทันก่อนปีใหม่
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบโครงการโฆษกอาสาประชารัฐ ซึ่งตั้งเป้าพัฒนาแกนนำจากทุกตำบลทั่วประเทศ ประมาณ 8,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งเครือข่ายกองทุนฯ แต่ละตำบลจะคัดเลือกผู้แทนขึ้นมาทำหน้าที่ประสานทำความเข้าใจระหว่างสมาชิกกับกองทุน และระหว่างประชาชนในหมู่บ้านกับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารการทำงานและนโยบายต่าง ๆ ของรัฐไปถึงประชาชน และสะท้อนความต้องการของประชาชนกลับมาที่รัฐได้อย่างถูกต้อง โดยจะได้รับการฝึกอบรมและการฝึกปฏิบัติภาคสนามตามหลักสูตรที่ สทบ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เรื่องการผลิตข่าว การเขียนข่าว การส่งข่าว โดยใช้สื่อต่างๆ ควบคู่การอบรมเรื่องบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณ และการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนในบทบาทของโฆษกชุมชน
นอกจากนี้ ยังรับทราบโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา โดยมองว่ากองทุนเกือบ 8 หมื่นกองทุน และสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กว่า 13 ล้านคนทั่วประเทศ จะเป็นกำลังและพลังสำคัญในการร่วมกันปลูกต้นไม้ทั่วแผ่นดิน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ กองทุนฯ จะเข้ามามีบทบาทและสามารถติดตามกำกับ โดยอาจใช้เงื่อนไขนี้กับสมาชิกที่พักชำระหนี้หรือลดดอกเบี้ยต้องปลูกต้นไม้เพื่อเป็นหลักค้ำประกัน
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กล่าวว่า ในวันที่ 25 ก.ค.63 จะเป็นวันขึ้นปีที่ 20 ของกองทุน จึงควรเชิญชวนเชิญชวนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ ร่วมกันปลูกต้นไม้ ถ้าทั้งเกือบ 8 หมื่นกองทุนในปัจจุบันช่วยกันปลูกกองทุนฯ ละประมาณ 1,000 ต้น ก็จะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 ล้านต้นทั่วประเทศโดยทันที
"นอกจากจะช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติ และสร้างสินทรัพย์ให้กับหมู่บ้านและ ชุมชนแล้ว ต้นไม้จะเป็นการออมให้กับสมาชิกกองทุนสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะทำให้สามารถหลุดพ้นจากกับดักหนี้ได้เป็นอย่างดี"
ในวันที่ 5 ธ.ค.จะเปิดโครงการเพาะชำกล้าไม้ภายใต้ชื่อ"เปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้"รวมทั้งให้หน่วยงานภาคีร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษาและสถาบันการเงิน ได้แก่ กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และ ธ.ก.ส. ในต้นเดือนธันวาคมปีนี้
"ประธาน กทบ. ยังได้ฝากเน้นให้ สทบ.ประสานกับกองทุนฯ เตรียมความพร้อม หารือแนวทางดำเนินการระยะต่อไปอย่างเร่งด่วน ให้ทุกคนมีส่วนร่วม ตลอดจนประสานหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทำงาน อย่างใกล้ชิดกับสมาชิกกองทุนฯ และให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินภาครัฐได้ชัดเจนยิ่งขึ้น"นายนที กล่าว
พร้อมกันนั้น นายนที ยังเปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ มีมติรับทราบและชื่นชมผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปี 62 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย สทบ. ได้คะแนน A ในลำดับที่ 156 จากจำนวนหน่วยงานทั่วประเทศกว่า 8,000 องค์กร ด้วยคะแนนสูงกว่า 90%