นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า เตรียมเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) พิจารณาอนุมัติงบกลาง เพื่อดำเนินการตามปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งระยะเร่งด่วน ที่จะเน้นพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำอุปโภค-บริโภคทั้งในเขตและนอกเขตการประปา รวม 2,041 โครงการ วงเงิน 3,079 ล้านบาท รองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคที่อาจจะมีผลกระทบมากขึ้นได้ในปลายฤดูแล้งช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ดำเนินการโดย 4 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม อาทิ การขุดเจาะบ่อบาดาล เชื่อมโยงแหล่งน้ำผิวดิน เป็นต้น
รัฐบาลให้ความสำคัญและมีข้อห่วงใยต่อภาวะน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นได้จากการคาดการณ์ปริมาณฝนที่อาจจะล่าช้าไปถึงเดือนมิถุนายน และตกเข้าใกล้เกณฑ์ปกติในเดือนกรกฎาคม ดังนั้น มาตรการเร่งด่วนระยะสั้น และระยะกลาง ในการแก้ไขภัยแล้ง โดยใช้งบประมาณดำเนินการใน 3 ส่วนหลัก คือ
1. งบกลาง ที่จะเสนอที่ประชุม ครม.เห็นชอบในวันพรุ่งนี้ วงเงิน 3,097 ล้านบาท เพื่อหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมรวม 2,041 โครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้เกิดผลภายใน 90-120 วัน 2.การปรับแผนงานโครงการ งบประมาณปกติปี 2563 ของหน่วยงานเพื่อช่วยแก้แล้งในช่วง 1-2 เดือนนี้ วงเงิน 2,950 ล้านบาท จำนวน 1,337 โครงการ ประกอบด้วย การประปานครหลวง (กปน.) การประปาภูมิภาค และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล ซ่อมแซมระบบประปา เชื่อมโยงแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งน้ำ และ 3. แผนงานโครงการตามงบประมาณปี 2563 เมื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เรียบร้อยแล้ว จะต้องเร่งรัดดำเนินการทันที โดยเฉพาะโครงการที่ต้องดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 57 จังหวัด จำนวน 1,434 โครงการ วงเงินประมาณ 9,400 ล้านบาท เพื่อเร่งดำเนินการปรับปรุง ซ่อมแซม พัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ ขุดลอกแหล่งน้ำ พัฒนาแก้มลิง ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝน ปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเก็บกักน้ำในฤดูฝนประมาณ 166,300 ไร่ ปริมาณน้ำที่เก็บกักได้ 135 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนได้รับประโยชน์ 72,190 ครัวเรือน
นอกจากนี้ ในวันที่ 10 ม.ค. 63 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมายัง สทนช. เพื่อเป็นประธานเปิดกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (War Room) ให้ทุกส่วนราชการกว่า 30 หน่วยงาน ได้ผนึกกำลังในการแก้ไขปัญหาในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม สามารถยับยั้ง บรรเทา และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงมาตรการเชิงป้องกันพื้นที่อื่น ๆ ไม่ให้ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคที่รัฐบาลให้ความสำคัญ