นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ติดตามประเมินสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม เร่งแก้ปัญหา ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง และข้อควรปฏิบัติ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยคุณภาพดีที่สามารถป้องกันฝุ่นได้ พร้อมทั้งให้สังเกตอาการทางสุขภาพเบื้องต้น หากผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 ทส. โดยศูนย์ประสานงานและแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองและหมอกควัน (ศปฝ.คพ.) ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ "แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" โดยได้ประสานให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการในการควบคุมฝุ่นละอองจากจากแหล่งกำเนิดมลพิษ ประกอบด้วย บก.จร., สตช. ดำเนินการยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบ/ตรวจวัดควันดำ โดยตั้งจุดตรวจให้เต็มกำลัง (โดยปกติจะดำเนินการเมื่อค่าฝุ่น เกินมาตรฐานเป็นสีแดง) โดยตั้งชุดปฏิบัติการฯ ตรวจวัดควันดำ ทั้งหมด 17 ชุด ในวันศุกร์ ที่ 10 ม.ค.นี้ และกำชับให้ สน. 3 แห่ง ได้แก่ สน.ตลิ่งชัน/สน.ธรรมศาลา และสน.คู่ขนานลอยฟ้า เข้มงวดการห้ามรถบรรทุกเข้าเขตกรุงเทพมหานครตามช่วงเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เข้มงวดไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง /ดำเนินการควบคุมและลดฝุ่น จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและการก่อสร้างประเภทอื่นๆ ด้านกรมการขนส่งทางบก ดำเนินการให้ชุดตรวจการทั้ง 16 ชุด (ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรการขั้นสูงสุด ) เข้มงวด/ตรวจจับควันดำรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสาร แจ้ง/ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ไม่มีการนำรถบรรทุกสินค้าทุกประเภท(ยกเว้นสินค้าที่จำเป็น เช่น ของสด) เข้ามาในเขตชั้นในของพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการควบคุมการระบายมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม อย่างเข้มงวด / แจ้งกับโรงงานอุตสาหกรรม ในการลดกำลังการผลิตในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละอองสูง
ในส่วนจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัด ดำเนินการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษทุกประเภททั้งยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม การเผาในที่โล่ง การก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยงานต่างๆได้เร่งปฏิบัติการลดปริมาณฝุ่นในอากาศ ทั้งมาตรการระยะเร่งด่วน และระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ละเลยเพิกเฉยต่อปัญหาดังกล่าว และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไปด้วย