นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้การแก้ปัญหาภัยแล้งว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติจะแถลงผลประชุมทุกวันจันทร์และ วันพฤหัสบดี โดยมีผู้แทนที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่องร่วมแถลงข่าวด้วย พร้อมยืนยันปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจะมีตลอดทั้งปี ส่วนน้ำภาคการเกษตรจะต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้เข้าใจ ทั้งนี้รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยโครงการระยะยาวจะมี 57 โครงการ โครงการขนาดย่อมมีมากกว่า 2 แสนโครงการ ใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 3 แสนล้านบาท
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาภัยแล้งในขณะนี้เป็นมาตรการระยะสั้นให้ผ่านพ้นช่วงภัยแล้งปีนี้ไปได้ แบ่งเป็น การแก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำทางการเกษตร ซึ่งในส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับว่าต้องดูแลประชาชนให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ซึ่งทางการประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยเฉพาะแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา
ส่วนน้ำทางการเกษตรนั้น ทางกรมชลประทานได้กั้นน้ำไว้แล้วอย่างชัดเจน แต่ขณะนี้มีบางพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาภาคกลางที่มีการปลูกพืช 1.6 ล้านไร่ โดยกรมชลประทานจะเข้าไปบริหารจัดการ ซึ่งแผนการบริการจัดการน้ำส่วนใหญ่ดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงกรมฝนหลวงฯ ก็เข้ามาช่วยเหลือเพื่อเติมน้ำ โดยได้ขึ้นปฎิบัติการทำฝนหลวงที่ภาคตะวันออก จ.ระยอง ทำให้มีฝนตก และเตรียมที่จะปฎิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ที่มีความเสี่ยงจะขาดน้ำได้ เพราะช่วงนี้มีฝนตกน้อย ดังนั้นจึงต้องเตรียมการไว้ ส่วนกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รับงบประมาณ 3,000 ล้านบาท จะนำไปใช้ในปรับปรุง ซ่อมแซ่ม บ่อเดิม รวมถึงขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่ที่มีทั้งหมดกว่า 1 พันบ่อ เป็นการเชื่อมโยงแหล่งน้ำดิบ โดยเฉพาะสถานพยาบาล ซึ่งจะเร่งรัดโครงการดังกล่าวภายใน 2-3 เดือนนี้ พร้อมติดตามพื้นที่ประสบภัยแล้ง เพื่อให้หน่วยงานต่างๆเข้าไปแก้ไข ซึ่งต้องรู้ผลดำเนินการภายใน 10 วัน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในเรื่องโครงการผันน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้ทันต่อการกักเก็บน้ำในฤดูฝนที่จะถึงนี้ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า 1-2 เดือนในฤดูฝนนี้จะมีน้ำน้อย แต่อีก 3-4 เดือนสภาวะน้ำจะเข้าสู่ปกติ ซึ่งเกี่ยวเนื่องไปยังหน้าแล้งของปีหน้า ดังนั้นต้องเร่งขับเคลื่อนโครงการต่างๆ และในสัปดาห์หน้า พล.อ.ประวิตร จะเป็นประธานประชุมพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบูรณาการงานด้านบริหารจัดการน้ำ ซึ่งที่ประชุมสภาได้ผ่านงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินการในด้านนี้เกือบ 60,000 ล้านบาท ในการวางรากฐานบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป