ครม.ไฟเขียวตั้งชุดขับเคลื่อนเจรจาการค้า-การลงทุนในช่วงปี 63-64 แล้วให้เสร็จตามกำหนด

ข่าวทั่วไป Tuesday January 21, 2020 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน

คณะกรรมการฯ ชุดนี้จะมีอำนาจและหน้าที่ที่สำคัญดังนี้

1. กำกับและเร่งรัดการขับเคลื่อนแผนการลงทุนของประเทศ ทั้งในส่วนของการลงทุนภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ในช่วงปี 63-64 ให้แล้วเสร็จตามห้วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งกำหนดมาตรการกำกับและเร่งรัดการขับเคลื่อน

2. กำหนดแนวทางหรือมาตรการด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ด้านการคลัง ด้านการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งมาตรการด้านการร่วมทุน และมาตรการในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจต่อนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะ เพื่อประกอบการสั่งการให้หน่วยงานของรัฐและคณะกรรมการดำเนินการต่อไป

3. จัดทำโครงการและมาตรการด้านการเงินการคลัง พร้อมทั้งแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

4. รายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างสม่ำเสมอหรือมีเหตุอันควร

"กรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการเจรจาการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งมาตรการด้านการคลัง มาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการด้านการร่วมทุน และมาตรการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนกับรัฐ ทั้งหมดนี้ จะได้ไม่ต่างคนต่างเจรจา จะต้องมาผ่านคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันในการเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการกระตุ้นการค้าการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ

คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว จะมีรองนายกรัฐมนตรีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นประธาน และมีกระทรวง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการชุดนี้

นางนฤมล กล่าวว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการค้าการลงทุน โดยเศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากการส่งออกสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การค้าการลงทุนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้และในอนาคต นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ