นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การควบคุมไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ว่า ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย เป็นชาวจีน 3 ราย ชาวไทย 1 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง และไม่ใช่การติดเชื้อจากคนสู่คนโดย 2 รายรักษาจนหายดีและให้กลับบ้าน ส่วนผู้ป่วยที่นครปฐม อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ หากหายเป็นปกติ จะเทียบผลการตรวจจากโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ หากไม่พบเชื้อ จะให้กลับบ้าน การรักษาที่ผ่านมาเป็นการรักษาตามอาการ
"มาตรฐานการควบคุมโรค เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งได้หารือกับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกอย่างต่อเนื่อง ท่านชมว่าทางการไทยจัดการปัญหาได้ดี จากนี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง ผอ.องค์การอนามัยโลก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับยกย่องให้เป็นประเทศต้นแบบในเรื่องของการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน เพราะเราเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ประชาชนรู้และเข้าใจสถานการณ์ ให้รู้จักป้องกันตนเอง และไม่ตื่นตระหนก"
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ในฐานะผู้บัญชาการของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่า จากกรณีที่พบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 74 ปี เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ซึ่งได้รับการตรวจคัดกรองที่สนามบิน พบมีไข้และเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จึงถูกส่งตัวมารักษาที่ห้องแยกโรคความดันลบ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ขณะนี้ผู้ป่วยรายนี้หายดีแล้ว ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่งไม่พบเชื้อดังกล่าวแล้ว แพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 และได้รับการส่งตัวขึ้นเครื่องบิน เดินทางกลับประเทศแล้วเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันในความพร้อมด้านสาธารณสุข ทั้งมาตรการเฝ้าระวังและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่มีประกาศห้ามเดินทางไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากประชาชนจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงขอให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ ตลาดค้าสัตว์หรือสินค้าจากสัตว์ หรืออยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ขอให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางดังกล่าว