นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พร้อมติดตามและสั่งการมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง
โดยในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งจะมีการหารือและรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำเอาทุกข้อเสนอแนะมาปรับเสริมเพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ โดยจะได้ลงรายละเอียดของมาตรการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานให้มีความชัดเจนที่สุด
ส่วน 12 มาตรการเร่งด่วนที่เสนอโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติวันพรุ่งนี้ด้วย ส่วนผลกระทบในด้านต่างๆได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นผู้ประกอบการมาหารือตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้วจะมีการหารือในการประชุมพรุ่งนี้ด้วย
นางนฤมล กล่าวว่า มีการแบ่งระดับความเข้มข้นของปัญหาออกเป็น 4 ระดับ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระดับที่ค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 51-71 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม) ซึ่งทุกหน่วยงานต้องดำเนินมาตรการที่เข้มข้นตามอำนาจของตัวเอง เช่น กรมการขนส่งทางบก เข้มงวดการตรวจรถควันดำ
ขณะที่ล่าสุด ทางกรุงเทพมหานครได้มีมาตรการ 2 มาตรการ คือการปิดโรงเรียนในสังกัด 437 แห่ง และการเหลื่อมเวลาการทำงานของหน่วยงานบางสังกัดของ กทม. ทำให้สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองในวันนี้ดีขึ้น โดยเหลือพื้นที่สีส้มเพียง 15 พื้นที่ซึ่งเป็นไปตามผลการศึกษาที่พบว่าปัญหาฝุ่นละอองเกิดจากการจราจรถึงกว่า 70%
ส่วนมาตรการในการควบคุมการเผาในที่โล่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละพื้นที่ที่ต้องดำเนินการ ส่วนที่มีการเสนอให้ยกเลิกการเผาอ้อยนั้น นางนฤมล กล่าวว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและสมาคมอ้อย ได้ยืนยันว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2565 เพราะต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน และเตรียมความพร้อมในการตัดอ้อยแทนการเผา
นอกจากนี้การส่งเสริมใช้ยานพาหนะที่ลดมลพิษ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนปฏิบัติการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลยืนยันแนวทางการใช้มาตรการที่เป็นยาเบาและแรงขึ้นให้เป็นไปตามเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยสิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมขณะที่รัฐบาลก็จะทำงานอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์และเข้าใจถึงผลกระทบที่มีต่อประชาชนและมีความห่วงใยมาโดยตลอด จึงมอบให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแจ้งเตือนประชาชนทุกจังหวัด เพื่อการปฎิบัติตัวอย่างถูกต้องในการรับมือและป้องกันฝุ่นละออง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง