พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่ได้สาธิตวิธีการใช้เครื่องมือ และสาธิตขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติงาน ซึ่งการคัดกรองถือว่ามีความรอบคอบเป็นไปตามหลักสากล ไม่ใช่แค่สายการบินที่มาจากเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น แต่ตรวจผู้โดยสารจากทุกเส้นทางที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยง ซึ่งทุกคนจะต้องผ่านการคัดกรองถึง 3 ด่าน มีเครื่องตรวจอุณหภูมิร่างกายทั้งหมด หากพบมีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่จะเข้ามาดูแลตามขั้นตอนต่อไป
พร้อมระบุว่า การทำงานจะคิดกันเองไม่ได้ ต้องปฎิบัติตามหลักสากลทั้งหมด และยังห่วงใยคนไทย รวมถึงคนชาติอื่นที่เดินทางมายังประเทศไทย
ส่วนการรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าได้เตรียมแผนไว้พร้อมแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่ได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาลจีน ซึ่งจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยเที่ยวบินที่จะไปรับคนไทยนั้นจะมีทีมแพทย์ร่วมไปด้วยเพื่อตรวจสุขภาพก่อนกลับ
"ในการรับคนกลับ เราเตรียมแผนไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอเวลาเคลื่อนย้ายได้ ไม่ใช่การอพยพ เป็นการเคลื่อนย้ายโดยสมัครใจ รัฐบาลพร้อมดูแล กำหนดวันไว้ทุกวัน แต่ขึ้นอยู่ทางโน้นให้เมื่อไร ก็เร็วที่สุด เร็วๆ นี้แหละ ใจเย็น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ประเทศอื่นรายงานข่าวว่าได้นำพลเมืองออกจากเมืองอู่ฮั่นแล้วนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยกำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน ซึ่งทางการจีนต้องจัดลำดับ เนื่องจากปิดเมืองอยู่ จึงต้องขออนุมัติเป็นประเทศไป และหากใครพร้อมกลับก็ยินดี ซึ่งตอนนี้เครื่องบินเตรียมไว้เป็นเครื่องบินพาณิชย์ เพราะเครื่องบินทหารไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไป แต่รัฐบาลก็มีแผนเตรียมการไว้หากเกิดกรณีร้ายแรง แต่ไม่อยากให้เกิดการแตกตื่น ซึ่งทางการไทยประสานงานกับสถานทูตจีนมาโดยตลอด
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าคนไทยในเมืองอู่ฮ่นยังมีความสุข ไม่ติดเชื้อ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ซึ่งได้มีการจัดหาอาหารอย่างเพียงพอ โดยทุกฝ่ายทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาไทยมีประสบการณ์ในการรับมือกับโรคระบาดอย่างซาร์ เมอร์ส และอีโบล่ามาแล้ว และไทยยังติดอันดับ 6 ของโลกในการรับมือกับโรคระบาด และขอโอกาสให้รัฐบาลทำงานไปก่อน เชื่อว่าทุกเรื่องต้องเดินหน้าไปได้
อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยี่ยมที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่สถาบันบำราศนราดูร