ทีมแพทย์โรงพยาลราชวิถี แถลงชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเตือนว่าไม่ควรนำยาต้านไวรัสเอดส์มาใช้ด้วยตัวเองเพื่อหวังป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพราะเป็นยาอันตรายที่จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เนื่องจากจะมีผลข้างเคียงมาก โดยเฉพาะหากใช้ร่วมกับการใช้ยาอื่นๆ เช่น ยาลดความดัน ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาไมกรน ยาลดไขมันในเลือด ยารักษาสิว ซึ่งจะเป็นอันตราย
แพทย์ รพ.ราชวิถี ระบุว่า เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ยังไม่ถึง 2 เดือน ดังนั้นจึงยังไม่มี standard treatment มีแต่การรายงาน Case โดยพบว่าทางจีนก็ใช้ยาต้านไวรัสเอดส์เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ใช้ไวรัสต้านเอดส์ 2 ชนิดร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อช่วยยับยั้งการขยายตัวของไวรัสในเซลล์
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การใช้ยารักษากับคนไข้ชาวจีนที่ได้รับการส่งตัวจากหัวหินที่มีอาการหนัก เป็นการให้ยาแรงและมีผลตอบสนองในเชิงบวก ซึ่งเป็นวิธีการรักษาจากประสบการณ์ความชำนาญและใช้ความรู้ทางการแพทย์เป็นหลัก แต่ไม่ใช่ทฤษฎีที่อ้างอิงได้ เป็นเพียงการทำรายงาน (Case Report) เพื่อนำสถิติข้อมูลและผลการรักษาไปหาข้อเท็จจริงต่อไปให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หวังว่าขนานยาที่แพทย์ใช้นั้นหากเป็นที่เชื่อถือพิสูจน์ได้ว่ามีผลต่อการรักษาไวรัสโคโรนา 2019 ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยทุกคนในโลกนี้ และมาตรฐานด้านสาธารณสุขและด้านการแพทย์ของไทยก็น่าจะเป็นที่ชื่นชมของนานาประเทศและเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์
"สาระสำคัญวันนี้ ไม่อยากให้ข่าวการใช้ยารักษาคนไข้ชาวจีนที่ส่งตัวมาจากหัวหินเป็นข่าวใหญ่โต...สิ่งที่ควรจะถูกนำเสนอไปคือ การรักษาที่เราให้แบบประคับประคอง หรือยาแรง ผู้ป่วยทุกรายมีอาการดีขึ้น หลายรายกลับบ้าน"
สำหรับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยทั้ง 19 รายอาการดีขึ้นทุกคน โดยหายเป็นปกติแล้ว 7 ราย กำลังจะหายและจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน 4 ราย ส่วนที่เหลืออาการดีขึ้น
ทีมแพทย์จาก รพ.ราชวิถี เปิดเผยอีกว่า ผู้ป่วยอาการหนักที่ตอบสนองการรักษามีอาการดีขึ้นชัดเจนเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ได้หายจากอาการโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ผลตรวจเยื่อบุโพรงจมูกจากบวกเป็นลบ ส่วนผู้ป่วยอีกรายอาการดีมาก ซึ่งหากผลตรวจไม่เจอเชื้อภายใน 2 วันก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้