นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ. ยังมีความผันผวนสูงตามความไม่แน่นอนของร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่เริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่นของจีน โดยในส่วนของผลกระทบจากไวรัสโคโรนา แม้การระบาดจะเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าโรค SARS ในปี 2546 แต่คาดว่าความรุนแรงของโรคอาจจะรุนแรงน้อยกว่า เห็นได้จากอัตราการตายจากไวรัสโคโรนาที่อยู่ที่ 2% ของผู้ป่วยทั้งหมด ขณะที่ SARS อยู่ที่ 10% ของผู้ป่วยทั้งหมด
ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยขึ้นและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นของจีนครั้งนี้ น่าจะทำให้การควบคุมโรคทำได้รวดเร็วขึ้น แม้จะมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ เพิ่มขึ้นมากในระยะสั้น แต่บล.ทิสโก้เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่จะค่อย ๆ ลดลงในไม่ช้า และน่าจะเริ่มควบคุมโรคได้ภายใน 1-2 เดือน เพราะแต่ละประเทศต้องการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าไวรัสโคโรนาเป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก"
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากนำการระบาดของไวรัสโคโรนาเทียบเคียงกับการระบาดของโรค SARS ครั้งก่อน โดยมีสมมติฐานให้รายได้จากการท่องเที่ยวในไตรมาส 1/63 หายไปประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งจะคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.6-1.7 แสนล้านบาท หรือจะทำให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้หายไปราว 1% หรือเติบโตเพียง 1.6% ซึ่งเป็นการเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าระดับ 2% ครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ส่วนผลกระทบต่อมูลค่าตลาดรวมหุ้นไทย คาดว่าจะลดลงประมาณ 1.07-1.14 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่าดัชนีหุ้นไทยที่ประมาณ 100 จุด ประเมินว่าไตรมาส 1/63 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,480 จุด
นายอภิชาติ กล่าวว่า ด้านประเด็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีปัญหา บล.ทิสโก้ คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยภายในกลางเดือน ก.พ.นี้ หากตัดสินว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้แนะแนวทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้ด้วย และไม่ทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ล่าช้าออกไปอีก เบื้องต้นคาดน่าจะล่าช้าเพิ่มอีกเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อประมาณการ GDP ไม่มากนัก เนื่องจาก บล.ทิสโก้มีสมมติฐานการเบิกจ่ายงบประมาณน้อยลงกว่าปกติอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี ในแง่ของบรรยากาศการลงทุนเชื่อว่ายังคงได้รับผลกระทบเชิงลบอยู่จนกว่าจะมีความชัดเจนของเรื่องดังกล่าว
บล.ทิสโก้ เชื่อว่านักลงทุนในตลาดกำลังอยู่ระหว่างการหาจุดต่ำสุด โดยคาดว่าโอกาสปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยในรอบนี้น่าจะจำกัดที่บริเวณ 1,480 จุด และมองเป็นจังหวะในการสะสม-เข้าลงทุนอีกครั้ง สำหรับประเด็นหุ้นที่น่าลงทุนเดือนนี้ ยังเน้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลเด่น กำไรปี 63 มีแนวโน้มเติบโตได้ปานกลางประมาณ 6-8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
แนะนำการลงทุนในหุ้นเดือนก.พ.นี้ ได้แก่ AP, EASTW และ KKP ผสานกับการเลือกเทรดดิ้งสั้นหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาแรงๆ คาดจะเป็นจุดต่ำพร้อมลุ้นโอกาสการฟื้นตัวในไม่ช้า (Bottom Fishing) แนะนำ ERW, TASCO รวมทั้งหุ้น RBF ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,480 และ 1,500 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,550 และ 1,570 จุด ตามลำดับ