กระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พบผู้ป่วยติดเชื้อจากทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาคเพิ่ม 7 ราย เป็นคนไทย 3 ราย โดย 1 รายเป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่น อีก 2 รายทำงานใกล้ชิดต่างชาติ ส่วนอีก 4 ราย เป็นคนจีน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ในวันนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญฯ ได้รายงานผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 7 ราย เป็นคนจีน 4 ราย และคนไทย 3 ราย หนึ่งในนี้เป็นคนไทยกลับบ้าน (จากอู่ฮั่น) และแยกเฝ้าระวังที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ส่วนผู้ป่วยคนไทยอีก 2 ราย เป็นชายประกอบอาชีพที่ต้องติดต่อกับนักท่องเที่ยว และอีก 1 ราย เป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด
สำหรับผู้ป่วยคนจีน 4 ราย 3 รายเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันกับผู้ป่วยยืนยันรายเดิม และอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวที่มาพบแพทย์ตามคำแนะนำที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุขตอนเดินทางเข้าประเทศไทย
สรุปสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้รวมยอดผู้ป่วยสะสม 32 ราย มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 10 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 22 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น รายที่อาการหนักอยู่สถาบันบำราศนราดูร อาการยังทรงตัว
ด้านนายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงการดูแลคนไทยกลับบ้านจากอู่ฮั่น ที่ฐานทัพเรือสัตหีบว่า วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยกลับบ้านจากอู่ฮั่น ในวันนี้คณะผู้เชี่ยวชาญฯ ได้รายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในกลุ่มคนไทยกลับบ้านจากอู่ฮั่น 1 ราย นอนพักในห้องแยกในโรงพยาบาลชลบุรี ส่วนอีก 1 รายที่โรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 ผลทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ ยังอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ซึ่งทั้ง 2 ราย อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้
ส่วนคนไทยกลับบ้านจากอู่ฮั่น ที่นอนพักในโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 4 ราย อาการดี ไม่มีไข้ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ รอแพทย์พิจารณาอนุญาตให้กลับไปเฝ้าระวังต่อเนื่องที่อาคารรับรอง และอีก 132 คนในอาคารรับรองฐานทัพเรือทั้งหมดไม่มีไข้ รับประทานอาหารได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค พร้อมรถส่งต่อผู้ป่วย กรณีฉุกเฉินประจำที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมห้องแยกความดันลบ (negative pressure) 17 ห้อง และสำรองห้องแยกพิเศษพร้อมอุปกรณ์ (Modified AIIR) อีก 18 ห้อง พร้อมอุปกรณ์ป้องกันชนิดต่างๆ ไว้อย่างเพียงพอ ที่โรงพยาบาลใน จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง