(เพิ่มเติม) ผบ.ทบ.แถลงสรุปเหตุการณ์กราดยิงกลางโคราช หลั่งน้ำตาวอนอย่าด่าทหาร-พร้อมเยียวยาเหยื่อ

ข่าวทั่วไป Tuesday February 11, 2020 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงข่าวเช้าวันนี้สรุปเหตุการณ์กรณีเจ้าหน้าที่ทหารระดับนายสิบสังหารผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหารด้วยกันภายในค่ายทหาร ก่อนชิงอาวุธปืนพร้อมกระสุนจำนวนมากและยานพาหนะออกมาก่อเหตุกราดยิงประชาชนกลางเมืองใน จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ราย และบาดเจ็บ 58 ราย

ผบ.ทบ.กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและบางจังหวะหลั่งน้ำตาออกมาระหว่างแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า กองทัพพร้อมจะเยียวยาผู้ประสบเหตุ โดยจะรับผู้บาดเจ็บที่เสียโอกาสการทำงาน และทายาทของผู้เสียชีวิตเข้ารับราชการทหารตามวุฒิการศึกษาโดยไม่มีข้อแม้ ขณะที่ขอร้องอย่าเหมารวมด่าว่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยของประเทศ และช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุต่างๆ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม

"ผมในฐานะผู้บัญชาทหารบกต้องขอกล่าวคำว่าเสียใจอีกครั้งหนึ่งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุมีคำตำหนิกองทัพบก มีคนด่าทหาร ซึ่งกองทัพบกเป็นองค์กรที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ท่านอย่าด่าทหาร ท่านอย่าด่ากองทัพบก...ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ถ้าท่านจะด่า ท่านจะตำหนิ ท่านมาด่าพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำตำหนิ" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้ลำดับเหตุการณ์ว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ก.พ.63 ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนสังหารคู่กรณีและญาติที่บ้านพักส่วนตัว โดยมีอาวุธปืนส่วนตัวที่พกไป 5 ชนิด คือ ปืนพก 9 ม.ม.ยี่ห้อบาเร็ตต้า, ปืนพก 11 ม.ม.ยี่ห้อเอฟเอ็น, ปืนลูกโม่แม็กนั่ม .44 สมิธแอนด์เวธสัน, ปืนเล็กยาว .22 ไรเฟิล และปืนลูกซองเรมิงตันแบบ 870 รวมทั้งหมด 5 กระบอก

หลังสังหารคู่กรณีและญาติแล้ว ผู้ก่อเหตุใช้รถยนต์ส่วนตัวขับมาที่ป้อมยามรักษาการณ์กองพันกระสุนที่ 22 ค่ายสุรนารี จากนั้นใช้ปืนที่พกติดตัวมาขู่บังคับเอาปืน HK33 พร้อมกระสุนที่บรรจุอยู่ 40 นัดไป และขับรถไปที่กองร้อยรักษาการณ์แล้วใช้ปืน HK33 กราดยิงพลทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการคลังอาวุธเสียชีวิต และใช้ปืนลูกซองเรมิงตัน 870 ที่มีอานุภาพทำลายสูงยิงกุญแจคลังอาวุธและบานประตู ปล้นปืน HK33 และปืนกล M60 ไปอย่างละ 1 กระบอก แล้วใช้อาวุธปืน HK33 ยิงยามรักษาการณ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้พลทหารบาดเจ็บ 2 นาย เพราะไม่ได้เฉลียวใจ ไม่ได้ระวังตัว เพราะผู้ก่อเหตุคือเพื่อนร่วมงาน จากนั้นผู้บาดเจ็บรีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามขั้นตอน

ต่อจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์ไปด้านหลังกองบังคับการกองพันเพื่อขโมยรถจิ๊ปที่กรมสรรพาวุธดัดแปลงให้เป็นรถตรวจการขับชนประตูคลังเก็บกระสุนเสียหายแล้วเข้าไปขโมยกระสุนขนาด 5.56 ม.ม.ที่ใช้กับปืน HK33 ไป โดยชุดเผชิญเหตุพยายามไล่ติดตามด้วยรถยนต์ส่วนตัวและใช้ปืนพกไล่ยิงจนผู้ก่อเหตุออกมานอกค่ายแล้วรีบแจ้งตำรวจ ก่อนก่อเหตุกราดยิงประชาชนตามรายทางแล้วหนีเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21

ผบ.ทบ.กล่าวว่า มูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ จากการผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องบ้างนั้นคงต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งจากนี้ไปจะเปิดช่องทางให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนมาถึงตนเองได้โดยตรง

"เมื่อมีการผิดสัญญาทำให้เป็นแรงจูงใจการการก่อเหตุครั้งนี้ แต่วินาทีที่สังหารคู่กรณีทำให้เขากลายเป็นอาชญากร ไม่ใช่ทหารต่อไปแล้ว" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผบ.ทบ.ยืนยันว่า กองทัพบกมีมาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องวัวหายแล้วล้อมคอกตามที่มีข่าว ส่วนหน่วยงานใดหละหลวมก็จะมีมาตรการลงโทษ โดยยอมรับว่ามาตรฐานของแต่ละหน่วยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้บังคับบัญชา แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น มีความชำนาญเรื่องพื้นที่และการใช้อาวุธ

พล.อ.อภิรัชต์ เล่าอีกว่า หลังจากได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้รายงานต่อให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ รมว.กลาโหม รับทราบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตนเองเดินทางไปพร้อมกับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ไปยังพื้นที่ โดยไปถึงในเวลา 22.00 น.เศษ เพื่อดูแลบริหารสถานการณ์ตามขั้นตอนกฎหมาย และประเมินภัยคุกคาม

"มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องประเมินสถานการณ์ ณ ปัจจุบันว่าควรดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและการบริหารความเสี่ยง" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

เมื่อเดินทางไปถึง รมช.กลาโหม และตนเองได้พบกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งได้ประชุมร่วมกันแล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบตามขั้นตอน ขั้นแรกจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายตามปกติที่มี ผบ.ตร.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโดยถึงคำนึงความปลอดภัยของประชาชน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก

"เรายอมรับความสูญเสียของประชาชนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานใช้ความระมัดระวัง ปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนที่ยังติดในห้างเทอร์มินัล 21 และอยู่ในสภาพตัวประกันปลอดภัยมากที่สุด"พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ได้สั่งกำลังหน่วย ฉก.90 กรมรบพิเศษเตรียมพร้อมอยู่ที่ค่ายสุรนารีเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการครั้งนี้หากได้รับการร้องขอจากผู้บัญชาการเหตุการณ์ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์แล้วเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ จึงได้จัดวางกำลังพลไว้รอบนอกเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น การอำนวยการด้านจราจร และการบริจาคเลือด

"ผมและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมทำงานกันมา เติบโตกันมา ตั้งแต่เป็นทหารชั้นผู้น้อย และตำรวจชั้นผู้น้อย เราผ่านวิกฤตและสถานการณ์หลายอย่างมาด้วยกัน เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน ในการปฏิบัติการครั้งนี้ต้องชื่นชมตำรวจจากทุกหน่วยที่ร่วมปฏิบัติงานครั้งนี้" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า พร้อมจะดูแลกำลังพลทุกนายที่ได้รับบาดเจ็บทั้งการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพจิตใจ พร้อมทั้งรับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเข้ารับราชการตามคุณวุฒิการศึกษาหากมีความประสงค์โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ