"ขอยืนยันว่า กรมชลประทานจะดูแลและบริหารจัดการน้ำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะน้ำอุปโภค บริโภคจะไม่ขาดแคลน และจะไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ EEC เพราะตระหนักดีว่าเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ ในขณะที่ภาคการเกษตร ได้มีการจัดสรรน้ำไว้ให้ตามที่มีการตกลงร่วมกันแล้ว" อธิบดีกรมชลประทานระบุ
นายสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายบริหาร เปิดเผยว่า พื้นที่ EEC ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง มีความต้องการใช้น้ำในฤดูแล้งรวม 430 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำประมาณ 410 ล้านลบ.ม. ยังขาดอีกประมาณ 20 ล้านลบ.ม. เนื่องจากปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจึงต้องจัดหาปริมาณน้ำส่วนที่ขาด อีกทั้งต้องสำรองเพื่อกรณีฝนทิ้งช่วงถึง มิ.ย.2563
กรมฯ ได้หารือร่วมกับทุกหน่วยจนที่สุดสามารถลงนามข้อตกลงกับกลุ่มผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำคลองวังโตนด เพื่อขอผันน้ำข้ามลุ่มตามกฎหมายใหม่ โดยจะผันจากอ่างเก็บน้ำคลองประแกด จ.จันทบุรี มาเติมที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง จำนวน 10 ล้านลบ.ม. โดยจะผันวันที่ 1-25 มี.ค. ซึ่งอ่างประแสร์เป็นอ่างหลักส่งน้ำให้เขต EEC
ปัจจุบัน อ่างคลองประแกดมีความจุ 60 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำใช้การได้ประมาณ 40-50 ล้านลบ.ม. ในพื้นที่จะใช้ประมาณ 15-20 ล้านลบ.ม. จึงมีน้ำที่จะนำมาช่วยเหลือ EEC ได้ แต่ระหว่างผันหากปริมาณน้ำกระทบต่ออ่างจะหยุดทันที
ในส่วนน้ำที่ยังขาดอีก 10 ล้านลบ.ม.จะมาจาก ที่ประชุม KEY MAN WARROOM ขอความร่วมมือให้ภาคอุตสาหกรรม และการประปาทุกสาขา ลดการใช้น้ำลงกว่า 10% ปัจจุบันการใช้น้ำเป็นไปตามแผนที่กรมชลฯวางไว้ และในส่วนของบมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ซึ่งเป็นเอกชนที่ผลิตน้ำป้อนภาคอุตสาหกรรม ปรับปรุงระบบน้ำ ดังนี้ ให้หาแหล่งน้ำดิบสำรองประมาณ 18 ล้านลบ.ม. ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีแล้ว และให้ปรับปรุงระบบ-สูบกลับ วัดละหารไร่ เพื่อเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล วันละ 100,000 - 150,000 ลบ.ม. ให้ปรับปรุงระบบสูบกลับคลองสะพานเพื่อเติมอ่างประแสร์อีก 10 ล้านลบ.ม. ให้เสร็จภายในเดือนม.ค. - ก.พ.นี้ และเร่งเชื่อมท่อประแสร์-คลองใหญ่ และเชื่อมท่อประแสร์-หนองปลาไหล ให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค. เพื่อลดการสูญเสียน้ำประมาณ 10-20 ล้านลบ.ม.
สำหรับการประปาส่วนภูมิภาคที่ไม่สามารถนำน้ำจากอ่างคลองหลวงมาใช้แทนน้ำที่ขาดจากอ่างบางพระนั้น อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้มีการขุดลอกคลองและระบายน้ำจากอ่างคลองหลวงมาที่สถานีสูบน้ำพานทอง ระยะทาง 60 กิโลเมตร เพื่อสูบมาเก็บที่อ่างบางพระประมาณ 10 ล้านลบ.ม.
นายสุชาติ กล่าวว่า จากการเชื่อมโยงน้ำโครงข่ายน้ำ คาดว่าจะทำให้มีน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ ประกอบกับในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีฝนในช่วงเปลี่ยนฤดู คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างอีกประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม. จึงมั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.63 ตามที่ฝ่ายนโยบายต้องการ โดยกรมชลประทานจะทำทุกทางเพื่อให้ประชาชนผ่านแล้งนี้ไปให้ได้