นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยตระหนักถึงความรุนแรงของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) จึงได้ยกระดับมาตรการด้านอาชีวอนามัยภายในศูนย์ไปรษณีย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการที่ได้ทำการฝากส่งหรือรอรับสิ่งของจากต่างประเทศ ด้วยการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคภายในสถานที่ปฏิบัติงานและพัสดุขาเข้าระหว่างประเทศจากทุกต้นทางประเทศทุกชิ้น โดยเริ่มที่ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นจุดรับไปรษณียภัณฑ์ขาเข้าระหว่างประเทศก่อนกระจายไปยังศูนย์ไปรษณีย์แห่งอื่น ๆ
นอกจากนี้ จะพ่นยาฆ่าเชื้อโรคเพิ่มเติม ในศูนย์ไปรษณีย์พื้นที่นครหลวงอีก 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่, ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ และศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้แจกหน้ากากอนามัยให้แก่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยจำนวน 100,000 อัน พร้อมกำชับให้ผู้ปฏิบัติงานรักษาความสะอาดตลอดการปฏิบัติงาน
นายกาหลง กล่าวต่อว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การฝากส่งสิ่งของระหว่างประเทศไปยังหลายปลายทางได้รับผลกระทบ ดังนี้
1. การฝากส่งสิ่งของไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการได้เพียงคูเรียโพสต์และโลจิสโพสต์ระหว่างประเทศเท่านั้น ยกเว้นปลายทางเมืองอู่ฮั่น และมณฑลหูเป่ยที่ยังคงระงับบริการเป็นการชั่วคราว โดยการไปรษณีย์จีนอาจนำจ่ายล่าช้า เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงการนำจ่ายแบบตัวต่อตัว (Face to Face) โดยเจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ไปสอบถามผู้รับก่อน หรือนำจ่ายไว้ที่ล็อคเกอร์และให้ผู้รับมาติดต่อรับเอง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และสำหรับบริการที่ต้องมีหลักฐานในการนำจ่าย อาจไม่มีการลงนามรับสิ่งของ
2. เขตบริหารพิเศษฮ่องกง แจ้งสิ่งของขาเข้าและขาออกระหว่างประเทศล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากการไปรษณีย์ฮ่องกงแจ้งว่าสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ขาเข้าและขาออกทุกประเภทบริการ จะเกิดความล่าช้าจากมาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19
3. ประเทศปลายทางที่ดำเนินการขนส่งผ่านการไปรษณีย์จีน ได้แก่ ปลายทางประเทศมองโกเลีย รับฝากได้เฉพาะบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ (EMS World) เท่านั้น สำหรับปลายทางประเทศเกาหลีเหนือ ระงับการรับฝากบริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศทั้งหมด
นายกาหลง กล่าวว่า สำหรับสิ่งของที่ผู้ใช้บริการฝากส่งและยังไม่ถูกส่งออกนอกประเทศไทย หากมีความประสงค์จะขอรับสิ่งของคืนให้ติดต่อแจ้งความประสงค์ ณ ที่ทำการที่รับฝากส่ง โดยไปรษณีย์ไทยจะดำเนินการคืนสิ่งของและค่าบริการเต็มจำนวน แต่หากสิ่งของถูกบรรจุเข้าถุงพัสดุหรือส่งออกจากประเทศไทยแล้ว อาจจะเกิดความล้าช้ากว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง