นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะพิจารณาเห็นชอบให้โรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายอีก 1 โรค เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการประกาศโรคติดต่ออันตรายแล้ว 13 โรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ หลังจากที่ได้ผ่านการพิจารณาจากกรรมการด้านวิชาการแล้ว
"ด้วยข้อมูลที่มีความชัดเจนมากขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน เมื่อเดือนที่แล้ว จึงเป็นไปได้สูงที่กรรมการ 30 คนจะลงมติเห็นชอบ และประธานกรรมการจะได้พิจารณาลงนาม เพื่อประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย" นพ.โสภณระบุ
ทั้งนี้ เมื่อออกประกาศให้โรคดังกล่าวเป็นโรคติดต่ออันตรายแล้ว จะช่วยทำให้การบริหารจัดการโรคนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกฎหมายเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะมีการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค รวมถึงมีบทลงโทษแก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามด้วย
"หากอีก 2 เดือน มีแนวโน้มว่าจะป่วยมากขึ้น เราก็จะมีกฎหมายช่วยในการทำงาน เมื่อมีผู้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่....ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ ตอนนี้ให้ควอลันทีนที่บ้าน 14 วัน ถ้ากลับจากประเทศที่มีการระบาด อันนี้ใช้กฎหมายเป็นตัวนำ ถ้าไม่ทำตามจะมีโทษทางกฎหมาย แต่ประเทศเรา ตอนที่ยังไม่ประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย จะใช้เพียงการขอความร่วมมือ" ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไประบุ
สำหรับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการเตรียมประกาศให้โรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ประกอบด้วย 4 ข้อ คือ 1. เป็นโรคอุบัติใหม่ ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น 2. มีความรุนแรงของโรค โดยอัตราการป่วย-ตายสูง 3. มีการแพร่ระบาดข้ามประเทศ 4.มีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
"ตอนนี้ครบถ้วนทุกเกณฑ์ จากเมื่อเดือนก่อนที่บอกว่ายังไม่ติดต่อระหว่างคนสู่คน แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เรารู้จักโรคดีขึ้น ข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินใจได้รอบด้าน ชั่งน้ำหนักประโยชน์ ข้อเสีย หลายประเทศก็ยกระดับโรคนี้มีความสำคัญมากกว่าโรคติดต่อทั่วไป" นพ.โสภณระบุ