นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ว่า ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 2 ราย จากผลการตรวจเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการ โดยรายแรก เป็นหญิงไทย อายุ 31 ปี เป็นแม่บ้าน มีประวัติจากคนในครอบครัวเดินทางกลับมาจากเมืองกวางโจว ประเทศจีน ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กำลังรักษาตัวอยู่ใน รพ.ราชวิถี มีอาการปอดอักเสบ แต่ปัจจุบันอาการดีขึ้นแล้ว
ส่วนรายที่สอง เป็นชายไทย อายุ 29 ปี เป็นพนักงานขับรถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.บำราศนราดูร
"ทั้ง 2 รายนี้ ผลแล็ปยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ รพ.จุฬาฯ ยืนยันตรงกันว่าเป็นบวก แต่ขณะนี้ทั้งสองรายอาการดีขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวน และเก็บตัวอย่างจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยเพื่อมาวิเคราะห์ต่อไป" ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 37 ราย โดยยังรักษาตัวอยู่ใน รพ. 15 ราย และกลับบ้านได้แล้ว 22 ราย
ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. – 24 ก.พ.63 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,580 ราย คัดกรองจากสนามบิน 70 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,510 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 420 ราย
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่ตรวจพบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการที่กระทรวงสาธารณสุขปรับนิยามการเฝ้าระวังคัดกรองตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.63 โดยขยายพื้นที่ครอบคลุมประเทศเสี่ยงใหม่ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) และ 8 จังหวัดของไทย คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สมุทรปราการ กระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์
โดยประเทศไทยได้มีการคัดกรองผู้เดินทางจากทุกด่าน ทั้งด่านท่าอากาศยาน ด่านท่าเรือ ด่านพรมแดนทางบก และจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 3,141,879 คน (ยอดถึงวันที่ 24 ก.พ.63) รวมถึงการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลและชุมชน พบผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง 1,580 คน กักตัวไว้ที่โรงพยาบาล 420 คน กลับบ้านได้ 1,160 คน
ส่วนการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย อันดับที่ 14 เพื่อประโยชน์ต่อการดูแลประชาชน มีกฎหมายรองรับ ทำให้โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ บุคลากรสามารถบังคับรับรักษา ปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว ประโยชน์ต่อสังคมทำให้ประชาชนรู้สถานการณ์โรคเร็ว ลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
อย่างไรก็ดี มีข้อแนะนำขอให้ประชาชนเลี่ยง หรือเลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ขอให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเมื่อกลับมาจากประเทศเสี่ยงให้แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัว สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน หากมีไข้ ไอ จาม ให้พบแพทย์ทันที
นพ.สุขุม กล่าวด้วยว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการวิจัยยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกับไวรัสโควิด-19 เพื่อศึกษาวิจัยประสิทธิผลของยาฟ้าทะลายโจรในการใช้รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม
ทั้งนี้ ได้มีการทดลองทั้งในห้องปฏิบัติการและทดลองกับมนุษย์ควบคู่กันไป ซึ่งจะนำสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่มีฤทธิ์ในการต้านไวรัสมาสกัดเป็นสารเข้มข้น เพื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันในการรักษาผู้ป่วย โดยคาดว่าจะทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น
"คิดว่าเป็นก้าวสำคัญ ที่มีการร่วมมือกันเพื่อทำโครงการวิจัย คาดว่าโครงการนี้ภายใน 1 เดือนน่าจะรู้ผลเบื้องต้น และนำมาผลิตยา ซึ่งเรามีความพร้อมในการผลิตยาอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจว่ายาตัวนี้ได้ประโยชน์จริง" ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว