รมว.คมนาคม สั่งศึกษา"บัสเลนเกาะกลางถนน"แก้ปัญหาจราจร คาดชัดเจนใน 1 เดือน

ข่าวทั่วไป Monday March 2, 2020 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า มีแนวคิดในการทำบัสเลนและจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารสำหรับรถเมล์บริเวณเกาะกลางถนน จากปัจจุบันที่ให้วิ่งและจอดรับส่งในช่องทางซ้ายสุด ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดจากรถที่เข้าออกซอย และรถจอดข้างทาง ซึ่งจากการไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้พบว่าการใช้บัสเลนกลางถนนได้ผลดี ป้ายรับส่งอยู่ห่างจากแยกไฟแดง 50-100 เมตร ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการรถเมล์ และหากรถส่วนบุคคลฝ่าฝืนวิ่งเข้าไปในช่องบัสเลนจะถูก ปรับหนักจนถึงยึดรถ

สำหรับถนนใน กทม.มีความเป็นไปได้ที่จะทำป้ายรถเมล์กลางถนน โดยเลือกถนนที่มีกายภาพเหมาะสม เช่น ถนนเพชรบุรี สุขุมวิท พระราม 4 พระราม 6 ซึ่งได้มอบหมายให้ สนข.ไปศึกษาและหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร (กทม.) คาดว่าภายใน 1เดือนจะมีความชัดเจน หลังจากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาต่อไป

รมว.คมนาคม กล่าวว่า หากรถเมล์ให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และมีรถแอร์ใหม่ให้บริการ ประกอบกับการพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำให้เกิดการเชื่อมต่อ และตั้งแต่ปี 2569 รถไฟฟ้าจะเปิดให้บริการครบตามแผน ระบบขนส่งสาธารณะจะเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนแทนรถส่วนตัว ซึ่งช่วยลดปัญหาจราจรและฝุ่น PM 2.5 ได้

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกได้รณรงค์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เจ้าของรถส่วนบุคคลทุกคัน เพื่อให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดปริมาณควันดำจากผงเขม่าสีดำขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ด้วยการบำรุงรักษาและหมั่นดูแลเครื่องยนต์ไม่ให้ก่อปัญหาควันดำเมื่อใช้งานบนท้องถนน ตรวจเช็กหัวฉีดและปั๊มหัวฉีดน้ำมันให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน โดยสาธิตวิธีการดูแลรักษาเครื่องยนต์ พร้อมแนะนำให้ทำความสะอาดไส้กรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด

โดยมาตรการในระยะสั้นนั้น กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัดทั่วประเทศ และในส่วนภูมิภาค 15 จังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือที่มีค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน โดยมีผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62-1 มี.ค.63 ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งสิ้น 178,523 คัน ตรวจพบรถควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเกิน 45% ทั้งหมด 2,934 คัน คิดเป็น 1.64 % โดยได้พ่นห้ามใช้ทันที พร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท

สำหรับรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ต้องนำรถไปแก้ไขแล้วนำกลับมารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง เมื่อผ่านการตรวจสภาพจึงสามารถลบข้อความห้ามใช้ออกและนำรถไปใช้งานได้ โดยในระหว่างที่รถถูกสั่งห้ามใช้ หากมีการฝ่าฝืนใช้รถโดยยังไม่ดำเนินการแก้ไข มีความผิดตามกฎหมาย ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และบันทึกประวัติความผิดซึ่งจะมีผลต่อการชำระภาษีรถประจำปี

ส่วนมาตรการระยะกลาง จะมีการปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ ลดการวิ่งทับซ้อน ทำให้ลดจำนวนรถเมล์ทั้งของ ขสมก. และรถร่วมเอกชน จากกว่า 6,000 คัน เหลือ 3,000 คัน ซึ่งขณะนี้ ขสมก. ได้เสนอแผนฟื้นฟูมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ในเดือน มี.ค. ซึ่งตามแผนฟื้นฟู จะเป็นการเช่ารถวิ่งให้บริการ 3,000 คัน เป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ,NGV และไฮบริด โดยตามแผนจะเปิดประมูล และส่งมอบรถคันแรกนำมาวิ่งบริการในวันที่ 1 ต.ค.64 และส่งมอบครบในวันที่ 1 ต.ค.65 เป็นรถปรับอากาศทั้งหมด ค่าโดยสาร 30 บาท ตลอดทั้งวัน. กรณี ขึ้นเที่ยวเดียวจะเป็นค่าโดยสารตามระยะทาง

และมาตรการระยะยาว ภายใน 5-7 ปีจะมีมาตรการเปลี่ยนรถในส่วนราชการจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็น NGV หรือ EV โดยกระทรวงคมนาคมมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการศึกษา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ