พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากเกาหลีนั้น จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ ซึ่งหากจะต้องมีการกักตัวทั้งหมด ปัญหาคือจะสามารถควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร ซึ่งมีหลายพันคนอาจถึงหมื่นคน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การร่วมกิจกรรมของประชาชนเป็นจำนวนมากๆ หากเป็นไปได้ก็อยากให้มีการเลื่อนการจัดกิจกรรมออกไปก่อน แต่หากยังมีการจัดการงานก็ขอให้มีมาตรการดูแลการจัดงานนั้นๆ ให้ดีด้วย
"ขอให้ระวัดระวังการอยู่ในคนหมู่มาก หากไม่มีการคัดกรองที่ดี มันอาจมีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อไปด้วย มาตรการเหล่านี้ต้องทำให้ครอบคลุมทั้งในประเทศ และเดินทางมาจากต่างประเทศ ระบุไว้แล้ว 12 ประเทศที่เข้ามาต้องมีการคัดกรองตรวจสอบ บางส่วนต้องถูกกักตัว ต้องหามาตรการที่เหมาะสมตามขั้นตอน ถ้าต่อไปเข้าสู่ระยะที่ 3 เริ่มลำบากกันหมด เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องมีมาตรการล่วงหน้าเพื่อใช้ได้ทันที"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้หารือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้สั่งการให้ 11 โรงงานได้เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย จากที่มีอยู่ 30 ล้านชิ้น/เดือน หรือเฉลี่ยวันละ 1 ล้านชิ้น ได้มีการกระจายให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้ทางการแพทย์ประมาณ 3.5 แสนชิ้นต่อวัน ส่วนที่เหลือประมาณ 7-8 แสนชิ้นที่นำมาจำหน่ายต้องมีการกระจายผ่านช่องทางต่างๆให้ทั่วถึง และทางกระทรวงพาณิชย์ได้จัดคนไปเฝ้าที่โรงงานต่างๆ เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าเพื่อนำไปขายยังต่างประเทศ และขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ขายหน้ากากเกินราคาไปแล้ว 51 ราย
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่จะสนับสนุนให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าจำนวน 50 ล้านชิ้นภายใน 10 วัน เพื่อให้เป็นทางเลือกและเพียงพอต่อความต้องการมากที่สุด ทั้งนี้หากพบมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยพี่อาจเข้าข่ายไม่ถูกต้องก็ขอให้แจ้งข้อมูลเข้ามาที่หน่วยงานรัฐ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า มาตรการรับมือแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีใต้จะต้องเข้มงวดกว่ากลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น เพราะเมืองอู่ฮั่นอยู่ภายใต้ระบบปิดและมีการนำเครื่องบินพิเศษไปรับ แต่กรณีเกาหลีใต้เป็นระบบเปิด และยังไม่ทราบจำนวนว่าจะเดินทางกลับกี่คน จึงต้องจะหาแนวทางดูแลเข้มข้นมากที่สุด และขณะนี้ประเทศไทยใช้มาตรการคัดกรองคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงอย่างเข้มข้นเช่นดียวกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน
ทั้งนี้ คาดว่าแรงงานไทยน่าจะทยอยเดินทางกลับมา โดยต้องประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ทางการเกาหลีใต้ และสายการบินต่างๆ ว่าภายใต้กฎหมายใหม่ หากไม่ช่วยคัดกรองและนำคนที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาในราชอาณาจักร ต้องรับผิดชอบในเรื่องใดบ้าง เช่น การส่งกลับ หรือค่าใช้จ่ายในกักตัว 14 วันที่เจ้าตัวต้องรับผิดชอบเอง โดยแนวทางทั้งหมดกระทรวงสาธารณสุขจะหารือและนำมาเสนอนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นประธานการประชุมในวันพรุ่งนี้
นายอนุทิน ย้ำว่า เมื่อมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกไปแล้ว ทุกคนต้องปฎิบัติตามข้อบังคับ ไม่เว้นแม้ชาวต่างชาติ แต่ยืนยันว่ามาตรการที่ออกมาไม่ใช่เข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะคำจำกัดความในระยะที่ 3 คือ การแพร่ระบาดในประเทศแบบวงกว้าง แต่สถานการณ์ในไทยยังควบคุมได้ ซึ่งคนไทยที่เดินทางมาจาก 9 ประเทศกลุ่มเสี่ยงนี้จะต้องกักตัว 14 วันที่บ้านพัก ส่วนหากมีไข้จะถูกแยกออกมาเพื่อเข้ารับการรักษา ถือเป็นการประกาศภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่ออันตราย ซึ่งตอนนี้จะต้องดำเนินการเข้มงวดในขั้นสูงสุด โดยมาตรการที่ออกมาก็จะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหรือบีบมากเกินไป แต่เป็นมาตรการที่ได้ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว และยืนยันว่าไทยมีความพร้อมในการรักษา ทั้งด้านยา การรักษา และเวชภัณฑ์ต่างๆ