พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ขอโทษที่ช่วงเช้าแสดงความคิดเห็นกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลหลังเกิดปัญหาคณะทำงานของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กักตุนหน้ากากอนามัย โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าพูดเร็วไปหน่อยที่บอกว่าจะถอนก็ถอนไป
พร้อมทั้งระบุว่าการจะถอนตัวหรือไม่ เป็นเรื่องมติของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนที่ใครจะออกมาพูดหรือวิจารณ์ ก็ไม่อยากไปตอบโต้ใครทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลให้สิทธิในการตัดสินใจกับแต่ละพรรค ซึ่งได้พูดคุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งนายจุรินทร์จะรับไปพิจารณาตามมติของพรรค ซึ่งเป็นกลไกลทางการเมือง
นอกจากนั้น ยังขอไม่ตอบคำถามในประเด็นมีขบวนการใต้ดินเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไขไปพร้อมกันคือ ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19, ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นมาตรการแก้ไขปัญหาที่ผ่าน ครม.วันนี้เป็นมาตรการระยะแรก หลังจากรับฟังความคิดเห็นและประเมินศึกษาแล้ว จะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาอีกเป็นระยะๆ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
"ช่วงนี้ผมไม่อยากพูดเรื่องการเมือง ขอให้ผ่านพ้นปัญหา 3 เรื่องนี้ไปก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศนั้น ถึงแม้จะมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่รัฐบาลก็ไม่ประมาท ขณะนี้มีความพร้อมในการทำงาน 3 ด้าน คือ ลดการแพร่เชื้อ, ดูแลรักษาผู้ป่วย และมาตรการเยียวยา ขณะที่ทางการจีนก็กำลังจัดส่งหน้ากากอนามัย ยา และชุดแพทย์มาช่วยเหลือ ตลอดจนความร่วมมือในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสด้วยเช่นกัน
ขณะที่ปัญหาหน้ากากอนามัยในประเทศขาดแคลนว่า ขณะนี้ได้เร่งส่งเสริมการผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับบุคคลทั่วไป เนื่องจากกำลังการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ โดยจะเน้นการจัดหาหน้ากากอนามัยสำหรับบุคคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการเป็นลำดับแรก ซึ่งขณะนี้ได้กระจายหน้ากากให้สต็อกไว้ใช้ได้ราว 1 เดือน หากยังมีโรงพยาบาลใดไม่เพียงพอ ก็สามารถแจ้งมาได้
ส่วนภาคเอกชนที่สนใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปดูแลเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ รวมถึงการวางแผนเรื่องวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิตหน้ากากอนามัยดังกล่าวด้วย
"ต้องเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย และขอกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุกคนด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีมีผู้แอบอ้างเป็นคนใกล้ชิดกับรัฐมนตรีแล้วกักตุนหน้ากากอนามัยนั้น จะต้องมีการสอบสวนและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย ตลอดจนการหลอกขายหน้ากากอนามัยบนโซเชียลที่ไม่มีสินค้าจริง หรือการขายเกินราคา
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของศูนย์โควิด-19 ทำเนียบรัฐบาล ที่ตนเป็นประธาน กับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ของกระทรวงสาธารณสุขว่า จะไม่ซ้ำซ้อนกัน เพราะทำงานตามกฎหมายคนละฉบับ โดยรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา พร้อมกับขอกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน
ส่วนเงินบริจาคเข้ากองทุนนั้นมีระเบียบดูแลไม่ให้รั่วไหล โดยจะนำไปใช้ในส่วนที่เกิดการติดขัดล่าช้าจากการใช้เงินงบประมาณ เป็นกองทุนสำรองไว้ใช้เหมือนเป็นก็อกที่สอง ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีปัญหาถังแตก แต่จังหวะที่มีการแถลงข่าวอาจไม่เหมาะจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้