ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 ราย เป็นชายไทย 4 ราย ชายสิงคโปร์ 1 ราย และหญิงไทย 1 ราย
โดยรายแรกเป็นชายไทยอายุ 21 ปี ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 8 มี.ค.63 ต่อมามีผลแล็บ 2 แห่งยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
รายที่สองเป็นชายไทยอายุ 40 ปี ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มอาการป่วยและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนเมื่อวันที่ 7 มี.ค.63 ต่อมามีผลแล็บยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
"สองรายแรกมีประวัติการทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ และสัมผัสกับสัมภาระหรือพาสปอร์ตที่ผ่านหลายมือ" นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าว
รายที่สามเป็นชายไทยอายุ 25 ปี พนักงานบริษัท เริ่มมีอาการป่วยปอดอักเสบเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนเมื่อวันที่ 25 ก.พ.63
"รายที่ 3 เป็นคนไทยที่เดินทางไปมาหลายที่ ประวัติพบว่าไปหลายจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีโอกาสเจอคนต่างชาติ และงานที่ทำเกี่ยวกับวิศวกรมีประชุมและลงพื้นที่บ้าง ยังต้องหารายละเอียดต่อว่าจุดไหนที่เป็นความเสี่ยง ต้องดูติดตามคนรอบข้าง เฝ้าระวังผู้ร่วมงานแต่ก็ยังไม่พบคนป่วยรายต่อมา เชื่อว่าออกไปพบแล้วพบผู้ป่วย แม้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ รายนี้ไม่ต่างจากรายที่ 1 และรายที่ 2 เพราะมีโอกาสสัมผัสชาวต่างชาติในพื้นที่ที่ไปมีโอกาสเจอคนมีเชื้อ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าติดจากใคร"นพ.โสภณ กล่าว
รายที่สี่เป็นหญิงไทยอายุ 27 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ เข้ารับการรักษาตัวและผลแล็บ 2 แห่งยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
รายที่ห้าเป็นชายไทยอายุ 40 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น เข้ารับการรักษาตัวจากอุบัติเหตุ และมีผลแล็บยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
และรายที่หกเป็นชายสิงคโปร์เจ้าของกิจการในประเทศไทยอายุ 36 ปี มีผลแล็บยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
นพ.โสภณ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าผู้ติดเชื้อรายที่ 6 เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารตามที่มีข่าวแพร่สะพัดในโซเชียลวันนี้หรือไม่ "เข้าใจว่าเป็นที่เดียวกัน ไม่อยากเอ่ยชื่อกิจการและอาคาร แต่เนื่องจากเป็นคนต่างชาติเป็นผู้ที่มีชาวต่างชาติไปมาหาสู่ติดต่อ แม้ว่าจะอยู่ในเมืองไทมาระยะหนึ่งแล้ว"
ทั้งนี้ ภาพรวมล่าสุดมีผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 59 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 34 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 24 ราย และเสียชีวิต 1 ราย