(เพิ่มเติม) รัฐบาลยกเลิก VOA 18 ประเทศและ 1 เขตศก.พร้อมเลิก Free Visa ชั่วคราว อิตาลี-เกาหลีใต้-ฮ่องกง มีผลทันที

ข่าวทั่วไป Wednesday March 11, 2020 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.มหาดไทย รมว.สาธารณสุข รมว.ต่างประเทศ และ รมว.คมนาคม ร่วมแถลงภายหลังหารือด่วนมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทีทวีความรุนแรงในหลายประเทศว่า รมว.มหาดไทย จะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เข้าเมือง ประกาศยกเลิก Visa on Arrival (VOA) 18 ประเทศและ 1 เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) หากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามาจะต้องไปติดต่อสถานทูตไทยในแต่ละประเทศ

พร้อมทั้งยกเลิก Free Visa ชั่วคราวกับนักท่องเที่ยว 3 ประเทศ คือ อิตาลี เกาหลีใต้ ฮ่องกง ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมวันนี้มีมติให้ยกเลิกมาตรการฟรีวีซ่า 3 ประเทศ คือ ฮ่องกง อิตาลี เกาหลี รวมทั้งยกเลิก VOA 18 ประเทศและ 1 เขตเศรษฐกิจ ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ประเทศไทยหวังว่าทุกประเทศจะเข้าใจสถานการณ์ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศทำความเจ้าใจกับประเทศต้นทาง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดก้าวไปสู่ระยะที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์วันนี้ประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 ของการแพร่ระบาด

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง อย่าจับผิดทุกคำพูด เพราะพูดในเชิงนโยบาย และขอให้ประชาชนคนไทยเข้าใจการเสนออะไรต่างๆ หากมีอะไรบกพร่องก็เสนอมา มากกว่าตำหนิด่าว่า ใช้คำพูดหยาบคายในโซเชียล ซึ่งตนไม่แฮปปี้ กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพในทุกเรื่อง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงภายหลังหารือด่วนมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงในหลายประเทศว่า กระทรวงมหาดไทยจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เข้าเมือง ประกาศยกเลิก VOA 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ หากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามาจะต้องไปติดต่อสถานทูตไทยในแต่ละประเทศ และจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้ามา

พร้อมทั้งยกเลิก Free Visa ชั่วคราวกับนักท่องเที่ยว 3 ประเทศที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ โดยให้มาตรการมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งมาตรการที่ออกมาเป็นการประเมินร่วมกันว่าจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดในอนาคตได้

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า มาตราการยกเลิก VOA และ Free Visa ไม่ใช่เป็นการปิดประเทศ ชาวต่างชาติทุกคนยังเดินทางเข้ามาได้ แต่ต้องขอใบรับรองแพทย์ให้ถูกต้อง และต้องติดต่อผ่านสถานทูตไทยในแต่ละประเทศตามขั้นตอนปกติ

"นี่คือมาตรการที่จะไม่ให้คนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามา แม้เขาจะบินอ้อมไปสถานทูตที่เขาไป ก็จะไม่ให้วีซ่าเข้ามาในประเทศไทย ตรงนี้จะหมดปัญหาเรื่องคนต่างชาติที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดและมีการติดเชื้อสูง"พลเอกอนุพงษ์ กล่าว

และ หากนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเหล่านี้สามารถเข้ามายังประเทศไทยไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ทางรัฐบาลก็มีมาตรการที่จะกักตัวที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เป็นเวลา 14 วัน หากไม่ยินยอมก็จะส่งกลับทันที โดยจะไม่ให้เข้าเมืองเด็ดขาด

นอกจากนั้น รมว.มหาดไทย ยังเปิดเผยว่า ทางการเปลี่ยนแผนสถานที่กักตัวคนไทยที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยง จากเดิมกักตัวไว้ในสถานที่เดียวกัน เช่น ที่กักไว้ที่สัตหีบ เป็นต้น เปลี่ยนไปกักตัวที่บ้านตามภูมิลำเนาของตนเอง โดยจะมีบุคลากรทางแพทย์ในพื้นที่ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย สามารถลงโทษได้หากฝ่าฝืนออกมานอกพื้นที่ที่กักตัว และจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร ลงไปติดตามดูแล โดยดำเนินการตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 2-7 มี.ค.มีคนไทยจากเกาหลีใต้เดินทางกลับมาแล้ว 1,882 คน ซึ่งกำลังติดตามให้กลับเข้าสู่ภูมิลำเนาของแต่ละคน ส่วนหลังวันที่ 7 มี.ค.ที่มี 98 คนที่เดินทางกลับมาก็จะให้เข้าสู่การกักตัวที่บ้านทั้งหมด ขณะเดียวกันศูนย์กักตัวที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และศูนย์ตามจังหวัดต่าง ๆ ก็จะไม่มีอีกต่อไป

สำหรับรายชื่อ 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจที่ยกเลิก VOA ประกอบด้วย

1.สาธารณรัฐบัลแกเรีย (The Republic of Bulgaria)

2.ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan)

3.สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China)

4.สาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus)

5.สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (Federal Democratic Republic of Ethiopia)

6.สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ (The Republic of Fiji)

7.จอร์เจีย (Georgia)

8.สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India)

9.สาธารณรัฐคาซัคสถาน (The Republic of Kazakhstan)

10.สาธารณรัฐมอลตา (The Republic of Malta)

11.สหรัฐเม็กซิโก (The United Mexican States)

12.สาธารณรัฐนาอูรู (The Republic of Nauru)

13.ปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)

14.โรมาเนีย (Romania)

15.รัสเซีย (The Russian Federation)

16.ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (Kingdom of Saudi Arabia)

17.ไต้หวัน (Taiwan - China)

18.อุซเบกิสถาน (The Republic of Uzbekistan)

19.สาธารณรัฐวานูอูตู (The Republic of Vanuatu)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ