นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (โควิด-19)ในภาพรวมของทั้งประเทศ มีผู้ป่วยในกรุงเทพฯประมาณครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ มีผลทำให้จำนวนผู้ป่วยในวันนี้ 104 ราย ลดลงจากเมื่อวานนี้ 120 ราย อย่างไรก็ตามก็มีผู้ป่วยเสียชีวิตรายใหม่ 3 ราย ซึ่งก็เป็นผลจากการติดเชื้อเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นวันนี้ 104 ราย พบว่า จำนวนหลายรายมีประวัติเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้ กล่าวคือ เมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จะมีการติดตามผู้สัมผัสโดยจะดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งการ Quarantine จะทำให้สามารถดูอาการได้ต่อเนื่องทุกวัน ถ้ามีอาการป่วยมีไข้ อาการทางเดินหายใจก็จะได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามจำนวน 41 ราย จาก 104 ราย ที่พบว่าเป็นผู้ป่วยรายใหม่ สาเหตุจากเรามีระบบเฝ้าระวังติดตามตัวและประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการที่จะอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด
ขณะที่กลุ่มคือกลุ่มที่กลับมาจากต่างประเทศซึ่งมีทางไปภารกิจทางศาสนา ไปท่องเที่ยวและทำธุรกิจ แม้ว่าในส่วนหลังจะน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีอยู่
ในส่วนของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง หรือ สถานบริการที่มีโอกาสเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมาด้วยสถานการณ์ระบาดในต่างประเทศเองและประเทศไทย แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง หรือเข้ามาใหม่ๆ แม้จะเป็นจำนวนน้อย แต่เมื่อเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยทำให้คนไทยที่ทำงานบริการนักท่องเที่ยวมีความเสี่ยงอยู่ เพราะฉะนั้นในการทำงานก็จะต้องระมัดระวังที่สำคัญคือ ต้องใช้หน้ากากอนามัยร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ เพื่อจะได้เป็นการลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ
สำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสนามมวย พบว่า จำนวนผู้ป่วยน้อยลงเรื่อยๆในวันนี้เหลือแค่ 1 ราย ที่มีประวัติไปชกมวยก่อนหน้านั้นและเพิ่งเริ่มมีอาการป่วยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กลุ่มก้อนที่เกิดจากสนามมวยขณะนี้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านมาประมาณ 3 สัปดาห์เศษ เพราะฉะนั้นการป่วยที่เกี่ยวข้องกับสนามมวยก็อยู่ในระดับที่ลดลงและควบคุมได้
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับในต่างจังหวัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคสาธารณสุข ฝ่ายปกครองและประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแม้ว่า จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในบางจังหวัด แต่ก็มีเป็นส่วนน้อยและส่วนใหญ่สามารถจัดการได้ดี
ด้านนพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีระดับผู้ป่วยขยับไปเรื่อยๆแต่ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนหลายๆประเทศในยุโรปนั้น เนื่องจากมีการทำการวิจัย พบว่า คนไทยใส่หน้ากากประมาณ 92-93% ขณะที่มีเจลล้างมืออยู่ทุกจุด ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีตั้งไว้ทุกแห่ง ดังนั้นจึงยังต้องมีมาตรการป้องกันตนเอง
"สิ่งที่อยากจะเตือนวันนี้คือเราคงจะต้องมีมาตรการเกี่ยวกับการป้องกันตัวเองที่เข้มข้นอยู่ ยกตัวอย่างเช่นการใส่หน้ากากและการล้างมือ เช่นถ้าวันนี้ผมกลับบ้านไปผมจะล้างมือก่อนแล้วอาบน้ำ ถ้าเจอคนเยอะๆก็จะสระผมด้วย นี่คือหลักการป้องกันตัวเอง ได้ปลอดภัยมากที่สุด และคิดว่าจะมีการนำแนวทางปฏิบัตินี้ไปใช้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนใกล้ชิดด้วยเพราะถ้าท่านติดเชื้อคนนึงก็จะก่อปัญหา ทั้งครอบครัวก่อปัญหากับคนใกล้ชิดที่จะต้องถูกกันเป็นเวลา 14 วันซึ่งก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสพอสมควร" นพ.ทวี กล่าว