นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงฯ เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลศูนย์กลางรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในทุกจังหวัด นำร่องในพื้นที่ที่ยังมียอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยใช้ราชวิถีโมเดลเป็นต้นแบบ บริหารจัดการเตียงกว่า 1.5 พันเตียงรองรับผู้ป่วยในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งขยายห้องพักในโรงแรมรองรับผู้ป่วยสังเกตอาการเพิ่มขึ้นอีกกว่า 200 เตียง
"ได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดจัดตั้งโรงพยาบาลกลางประจำจังหวัดรักษาเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 ตามรูปแบบของโรงพยาบาลราชวิถี ดูแลบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายการรักษาเช่นเดียวกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นจังหวัดที่มีอัตราผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูง" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายมีตัวเลขที่สูงขึ้น กระทรวงฯ ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถีวางแผนบริหารจัดการโรงพยาบาล และ Hospitel เพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งระบบ ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมพบว่า ขณะนี้กรุงเทพฯ มีจำนวนเตียงในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1,551 เตียง จาก 86 โรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วย อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมเข้ามาร่วมดูแลผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าสังเกตอาการเพิ่มอีกกว่า 200 เตียง จากก่อนหน้านี้ที่มีกว่า 400 ห้องพัก
นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยได้กล่าวยืนยันมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ รวมทั้งการที่รัฐบาลออกประกาศควบคุมเวลาการออกจากเคหะสถานเพื่อหวังลดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น ลดการประชุม การห้ามเดินทางเข้าออกในแต่ละจังหวัด ลดจำนวนผู้เดินทางที่มาจากต่างประเทศ ชะลอการเดินทางจากประเทศที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งไม่ให้มีการแอบรวมกลุ่มจัดงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อที่อาจทำให้ตัวเลขยังคงเพิ่มสูงขึ้นได้อีก เพราะการพบผู้ป่วยที่ยังคงเพิ่มขึ้นสาเหตุใหญ่ยังมาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งหากเว้นระยะห่างกันได้อย่างเข้มงวด จะช่วยให้การควบคุมการระบาดทำได้ดีขึ้น