นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขส.) กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีบางจังหวัดที่มีด่านชายแดนได้มีคำสั่งระงับการใช้ช่องทางผ่านแดน และบางจังหวัดได้มีประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าไปในพื้นที่จังหวัด และระงับการเดินรถโดยสารไม่ประจำทางและรถโดยสารประจำทางที่เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าไปในพื้นที่จังหวัด กรมการขนส่งทางบกจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเช่าเหมา) และรถยนต์รับจ้าง ขอให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนรับจ้างว่าเป็นการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวและมีจุดหมายปลายทางไปยังจังหวัดที่มีด่านชายแดนที่มีคำสั่งระงับการใช้ช่องทางผ่านแดน หรือเป็นพื้นที่จังหวัดที่ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าไปในพื้นที่จังหวัดหรือไม่ หากพบว่าเป็นการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวและมีจุดหมายปลายทางในเขตพื้นที่ดังกล่าวควรงดการรับจ้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวไปตกค้างในพื้นที่จังหวัดชายแดน
"ขอย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการขนส่งถือปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2) และประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ประกาศหรือคำสั่งจังหวัดอย่างเคร่งครัด การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับแล้วแต่กรณี" นายจิรุตม์ กล่าว
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตนเองได้สั่งการไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งให้กำชับผู้ประกอบการขนส่งในพื้นที่เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ทางภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงในการบูรณาการดำเนินการ ณ จุดคัดกรองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัด ขอให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเช่าหมา) และรถยนต์รับจ้าง โดยเฉพาะการตรวจสอบจุดหมายปลายทางของรถที่ผ่านในเส้นทาง ให้คำนึงถึงระยะเวลาตามข้อกำหนดห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น.จนถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นด้วย และต้องตรวจสอบอุณหภูมิของพนักงานประจำรถและผู้โดยสาร ตรวจสอบเอกสารคำถามสุขภาพ (แบบ ต.8-คค) นอกจากนี้ รถสาธารณะทุกประเภทต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือประชาชนหากไม่มีเหตุจำเป็นขอให้งดการเดินทาง และปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่รณรงค์ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)