นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 50 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมรวม 2,473 ราย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 33 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 1,013 ราย ผู้เสียชีวิตที่รายงานวันนี้เป็นหญิงวัย 43 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคประจำตัวเป็น SLE หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ รพ.ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยอาการไข้ 38.9 องศาฯ ถ่ายเหลว อาเจียน หายใจหอบเหนื่อย ความดันโลหิตตก เอ็กซ์เรย์พบปอดอักเสบรุนแรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เม.ย.
สำหรับผู้ป่วยใหม่ 50 ราย พบว่า กลุ่มใหญ่ที่สุด เป็นผู้ป่วยรายที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 27 ราย กลุ่มที่ 2 คือผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ มีจำนวน 15 ราย แบ่งเป็น คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศก่อนวันที่ 31 มี.ค.จำนวน 3 ราย, ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 ราย, มีอาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิด สัมผัสกับชาวต่างชาติ มีจำนวน 5 ราย, เป็นบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 4 ราย และกลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค จำนวน 8 ราย โดยเป็นการค้นหาเชิงรุกใน จ.ภูเก็ต 4 ราย
ผู้ป่วยใหม่ 50 ราย มาจากกรุงเทพมหานคร 19 ราย ยะลา 7 ราย ภูเก็ต 5 ราย นนทบุรี 4 ราย สมุทรปราการ 4 ราย นครสวรรค์ 2 ราย ปราจีนบุรี 2 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย ชุมพร 1 ราย นครศรีธรรมราช 1 ราย นราธิวาส 1 ราย พะเยา 1 ราย สุราษฎร์ธานี 1 ราย และ พังงา 1 ราย
ทั้งนี้ ในตัวเลขผู้ป่วยสะสม 2,473 ราย ใน 68 จังหวัด พบว่า 10 จังหวัดที่รับรักษาผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,262 ราย ภูเก็ต 166 ราย นนทบุรี 148 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 77 ราย ชลบุรี 73 ราย ปัตตานี 66 ราย สงขลา 47 ราย เชียงใหม่ 40 ราย ปทุมธานี 30 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค อีก 72 ราย
ส่วน 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง
เมื่อดูสัดส่วนระหว่าง กทม.และนนทบุรีเปรียบเทียบกับต่างจังหวัด ของกทม.และนนทบุรีจำนวนผู้ป่วยยังทรงๆ ส่วนต่างจังหวัดดูแล้วลดลง แต่ที่เพิ่มมาก่อนหน้านั้นคือรายที่กลับมาจากอินโดนีเซีย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดผู้ป่วยอันดับ 1 ยังเป็นการติดจากการสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า ตามด้วยคนไทยกลับจากต่างประเทศ และกลุ่มอาชีพเสี่ยง ขณะที่กลุ่มติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน สะท้อนว่าวัยหนุ่มสาวที่ออกไปทำงาน ออกไปรับเชื้อมาจากข้างนอกบ้าน เป็นพาหะที่เดินได้แล้วนำมาสู่การติดเชื้อในบ้าน ดังนั้น ต้องลดการออกจากบ้าน แต่หากเลี่ยงไม่ได้ต้องป้องกันตัวเองให้มากที่สุดตลอดเวลา ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลา หากป่วยต้องหยุดงานมารักษาทันที
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศกลุ่มอาเซียน ของประเทศอยู่ตรงกลางรองจากมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ขณะนี้ประเทศสิงคโปร์เองที่เคยทำได้ดี ก็ไปตรวจเจอคนติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ทำให้ยอดคนติดเชื้อพุ่งขึ้นมา
"ประเทศอื่นๆกราฟมีความชันมากขึ้น แต่ของไทยยังเป็นแนวราบ...เรายังต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ที่ต้องทำมาตรการเข้มข้นต่อไป ยืนยันที่ไทยเราทำมาทำได้ดีในระดับหนึ่ง ทั้งหมดไม่ใช่เพราะแพทย์เราเก่งอย่างเดียว แต่พี่น้องประชาชนให้ร่วมมือ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนมาตรการช่วงเวลาสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอให้งดการรดน้ำผู้ใหญ่ในปีนี้ ขณะในเรื่องสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตอนนี้มีผู้ว่าราชการ 11 จังหวัด สั่งห้ามขายสุรา 24 ชม.แล้ว ได้แก่ ระยอง สุพรรณบุรี สุรินทร์ ลำพูน สกลนคร พิษณุโลก บุรีรัมย์ นครปฐม มุกดาหาร สมุทรสงคราม และเชียงใหม่ ส่วนของกรุงเทพฯห้ามจำหน่ายสุราตั้งแต่วันที่ 10-20 เม.ย. เป็นเวลา 10 วันในสถานประกอบการที่มีใบอนุญาตขอให้ผู้ประกอบการทุกคนให้ความร่วมมือ และขอให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย
ส่วนกรณีคนไทยในต่างประเทศจะเดินทางกลับไทย โฆษก ศบค. กล่าวว่า วันนี้จะมีคนไทยตกค้างในต่างประเทศเดินทางเข้ามาอีกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ 15 คน มาลงที่สุวรรณภูมิ 09.00 น.วันนี้ จากประเทศสิงคโปร์ 18 คน ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 17.00 น.วันนี้ ก็ต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว 14 วันในสถานที่รัฐบาลเตรียมไว้ให้
ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีคนไทยกลับมาอีก 35 คน จากญี่ปุ่น 1 คน และจะมีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS จากสหรัฐอเมริกา 152 คน ซึ่งขณะนี้สถานทูตไทยกำลังประสานเรื่องวันและเวลากับทางการของสหรัฐฯ เนื่องจากจะมีเครื่องบินที่จะมารับทหารของสหรัฐอมเริกากลับบ้าน คาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้
โฆษก ศบค. กล่าวว่าขณะนี้ มี 15 จังหวัดที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งประกาศระงับการเดินทางเข้าออกในเขตพื้นที่จังหวัดหรือปิดจังหวัด โดยทางกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ภูเก็ต สตูล ตราด น่าน พัทลุง สงขลา บึงกาฬ ระนอง ร้อยเอ็ด ตรัง มุกดาหาร นครพนม ในส่วนของชลบุรี จะปิดเฉพาะพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีการปิดเหลื่อมเวลากันไป