นายสามภพ บุนนาค นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ติดตามการดูแลควบคุมโครงการอาคารชุด และโครงการบ้านจัดสรร ในการดำเนินการตามาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ภายในโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมด ซึ่งมีการทำงานร่วมกับผู้จัดการนิติบุคคลที่บริหารโครงการ บริษัทบริหารโครงการ คณะกรรมการ และผู้อยู่อาศัยซึ่งเป็นเจ้าของร่วม ในการช่วยประชาสัมพันธ์มาตรการในการควบคุม และละป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ภายในโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้อยู่อาศัย และเจ้าหน้าที่ต่างๆในโครงการมีความมั่นใจ และมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
ที่ผ่านมาได้มีการวางมาตรการอย่างเข้มงวดเริ่มจากการปิดส่วนกลาง และสถานที่ใช้ทำกิจกรรมสันทนาการในโครงการชั่วคราว ตามคำสั่งของหน่วยงานภาครัฐที่ออกมา เพื่อลดความเสี่ยงในการร่วมกลุ่มกัน ซึ่งนำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัส และมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้อยู่อยู่อาศัย และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโครงการปฏิบัติตามร่วมกันในการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างในพื้นที่ที่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะในลิฟต์โดยสาร รวมไปถึงรณรงค์ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หรือล้างมือทุกครั้ง รวมถึงการใส่ถุงมือสัมผัสกับอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
ขณะเดียวกันในภาวะที่ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ทำงานที่บ้านมากขึ้น และมีการสั่งอาหาร หรือสั่งสิ่งของต่างๆผ่านบริการขนส่งต่างๆ ทำให้ปริมาณสิ่งของต่างๆเพิ่มขึ้น และกลายมาเป็นขยะที่อยู่ในโครงการที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดเชื้อโรคเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงจำนวนหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย ทางสมาคมฯได้เล็งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยต่อผู้อยู่อาศัยได้ ทำให้กำชับนิติบุคคลที่บริหารโครงการต้องมีมาตรการในการจัดเก็บขยะที่มิดชิด และแยกขยะอย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค หรือลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่จะมีผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
ส่วนมาตรการควบคุมดูแลผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่คาดว่าจะติดไวรัสโควิด-19 และผู้อยู่อาศัยที่พบว่าติดโควิด-19 แล้ว ทางสมาคมฯได้มีมาตรการให้นิติบุคคลจะต้อง แจ้งหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจได้ทราบเพื่อทำให้การดำเนินงานต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้อยู่อาศัยร่วมคนอื่นๆไม่เกิดความกังวลมากเกินไป พร้อมทั้งติดตาม Timeline ของผู้ติดเชื้อว่าไปที่ใดมากบ้างในโครงการ และไปปดิสถานที่ดังกล่าวเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ รวมถึงกักตัวบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในโครงการ
อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่อาศัย และเจ้าหน้าที่ในทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันดูและในการสอดส่อง เฝ้าระวังบุคคลที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะอาจจะมีบุคคลบางกลุ่มที่ยังไม่แสดงอาการ หรือมีอาการแล้วแต่กลัว และไม่แจ้งให้ทราบ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทราบได้ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่โครงการทราบแล้วก็จะทำให้สามารถดำเนินการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ของโครงการก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปจับกุมผู้อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้ เพราะติดในเรื่องสิทธิ และหน้าที่ ซึ่งในส่วนนี้ทางผู้อยู่อาศัยที่รู้ตัวว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเองจะต้องให้ความร่วมมือตามกฎของโครงการด้วย หากไม่กระทำตามกฎของโครงการ ทางเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งต่อหน่วยงานรัฐที่อำนาจและกฎหมายในการเข้าควบคุมตัวได้ ทันที
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ต้องการให้ทุกคนในโครงการที่อยู่อาศัยทุกแห่งช่วยกันสื่อสาร ร่วมมือ ร่วมใจ ในการปฏิบัติตามระเบียบ และสนับสนุนการใช้ระเบียบต่างๆอย่างเคร่งครัด ช่วยเหลือกันภายในโครงการ และทางนิติบุคคลที่บริหารควรจัดงบประมาณที่เป็นส่วนเพิ่มมาจากงบประมาณปกติ ไว้ใช้เพื่อการดูแลสุขภาพอนามัยของผู้อยู่อาศัยในโครงการ โดยเฉพาะการทำความสะอาดที่จะต้องเพิ่มขึ้น และไม่อยากให้ผู้อยู่อาศัยร่วมกันมองว่าผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ร้าย และน่ารังเกียจ ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้ ซึ่งไม่อยากให้โทษผู้ป่วย เพราะไม่มีใครตั้งใจอยากให้ติดโรคมา แต่อยากให้ช่วยกันมองว่าผู้ป่วยมีโอกาสรักษาหายได้กลับมาปกติ เหมือนไข้หวัดทั่วไป และไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เพื่อทำให้ผู้ป่วยยังรู้สึกสามารถอยู่อาศัยในโครงการได้ตามปกติหลังจากรักษาหายกลับมา