นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาแผนการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยจะต้องมีการทดลองและต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนการกระจายวัคซีนให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 3 เดือนหลังจากนี้
"ตอนนี้หลายหน่วยงานของไทยเริ่มพัฒนาวัคซีนกันแล้ว มีการเสนอว่าจะเห็นความคืบหน้าใน 6 เดือน แต่ที่ประชุมแห่งนี้ขอเห็นความคืบหน้าใน 3 เดือน เราเชื่อว่าคนไทยเก่งมาก และจะทำได้ในที่สุด" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า โรคโควิด-19 จะน่ากลัวไปจนถึงวันที่ไทยมีวัคซีน ดังนั้นคณะกรรมการชุดนี้คือความหวังของประชาชนที่จะเข้าถึงวัคซีนได้ ซึ่งหากทำการทดลองได้สำเร็จจะเป็นวันที่น่ายินดีในชีวิตของคณะทำงานฯ ที่ผ่านมาไทยได้ต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีการระบาดก่อนเป็นที่แรก และอยู่ระหว่างการพัฒนาวิจัยวัคซีน โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติอยู่ระหว่างการลงนามความร่วมมือกับจีน
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยไม่ได้รอเพียงทำการวิฉัยวัคซีนเอง หรือเจรจาร่วมพัฒนาวัคซีนกลับต่างประเทศเท่านั้น แต่เตรียมหาวิธีร่วมทุน และทำบันทึกความเข้าใจร่วมกับต่างประเทศ แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้เสียเปรียบประเทศคู่สัญญา โดยจะต้องเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
ที่ประชุมฯ ยังได้หารือกันถึงนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2563-2565 พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทำงานด้านค้นคว้าวิจัยวัคซีนด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 15 ราย และน่าดีใจที่มีผู้รักษาหายและสามารถกลับได้ 240 ราย ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมรัฐบาลในการรับมือกับโควิด-19 สิ่งที่ทุ่มเทไปไม่เสียหลายทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาอยู่ในระดับดี ซึ่งเมื่อวานนี้ได้ลงนามในหนังสือที่ได้หารือกับคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์หลายสถาบันเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการบนพื้นฐานของความเหมาะสมสูงที่สุด เพราะเรื่องการระบาดของโรคยังประมาทไม่ได้