นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เปิดตัวโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน รอบที่ 2 โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ทั้งผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างค้าปลีกค้าส่ง จัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยนำสินค้ามาลดราคาขายเพิ่มเติม จากโครงการรอบแรก โดยยังคงเป็นสินค้าใน 6 กลุ่มเช่นเดียวกับรอบแรก ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็ง, กลุ่มซอสปรุงรส, กลุ่มของใช้ประจำวัน, กลุ่มผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง โดยมีระยะเวลาลดราคาตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-30 มิ.ย.นี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งคาดว่าตลอดโครงการจะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
"โครงการล็อต 2 ยังคงสินค้า 6 กลุ่มเช่นเดิม เพราะเป็นสินค้าจำเป็น แต่ได้เพิ่มรายการ สินค้าอีกหลายเท่าตัว รวมกันถึง 3,025 รายการ และลดราคาขายสูงสุดถึง 68% มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเข้าร่วมโครงการถึง 51 องค์กร เป็นข้าวสารถุง 18 บริษัท สินค้าอุปโภคบริโภค 20 บริษัท และห้างต่าง ๆ 13 ห้างทั่วประเทศ"นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ บรีส, คอมฟอร์ท, ซันไลต์, เซลล็อกซ์, นกแก้ว, เบบี้มายด์, คอลเกต, โพรเทค, แคร์, ซื่อสัตย์, โคโดโมะ, เปา, เด็กสมบูรณ์, ซีเล็ค, ซูเปอร์ ซีเชฟ, มาม่า, ซีพี, โฟร์โมสต์, ดัชมิลล์, ไวตามิ้ลค์, เมจิ, เนสท์เล่, คาร์เนชั่น, บิโอเร, แอทแทค, แฟซ่า, ไฟน์ไลน์ , สมาร์ท, ดีนี่, โก๋แก่ และอิมพีเรียล
ส่วนห้างสรรรพสินค้า ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, แม็คโคร, ฟู้ดแลนด์, ซี เจ เอ็กซ์เพรส, ลอว์สัน, เซเว่นอีเลฟเว่น, เดอะมอลล์, แมกซ์แวลู, ท็อปส์, กูร์เมต์มาร์เก็ต, โฮมเฟรชมาร์ท และแฟมิลี่มาร์ท