นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ให้มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ เพื่อลดความสูญเสีย และลดปัญหาในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 หลังขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมีอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับการรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในวันนี้ที่เพิ่มขึ้น 53 ราย โดยในส่วนนี้เป็นแรงงานต่างด้าวจากศูนย์กักขัง ตรวจคนเข้าเมือง อำเภอสะเดา จ.สงขลา จำนวน 42 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้ลักลอบเข้าเมืองด้วย ก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำด่านที่จัดการเรื่องนี้ได้ดี โดยสามารถตรวจพบเร็ว ตรวจเร็ว และคุมโรคเร็ว หลังจากนี้จะให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ และดูแลในสถานที่กักกันตัวของรัฐ (State Quarantine) โดยจะไม่ปล่อยให้มีการแพร่กระจายของเชื้อเด็ดขาด และจะต้องไม่กระทบการให้บริการ
"ในประเทศ เราสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่หากมีเคสที่หลุดเข้ามาจากต่างชาติ การควบคุมโรคจะประสบปัญหา ตอนนี้ เราเดินมาได้ไกล ไม่ต้องการเห็นความผิดพลาดเกิดขึ้น"นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวเรื่องจะมีการตัดงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อไปช่วยเหลือในสถานการณ์โควิดระบาด จำนวนกว่า 2 พันล้านบาท และอาจกระทบกับการให้บริการประชาชนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอย้ำตรงนี้ในฐานะที่เป็นรมว.สาธารณสุข และเป็นประธาน สปสช. ขอให้มั่นใจว่า ไม่มีใครกล้าตัดสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่พึงได้รับในด้านการรักษาพยาบาลออกไปแน่นอน และการให้บริการจะต้องดีขึ้นด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณนั้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ ซึ่งได้มอบให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปหารือกับสำนักงบประมาณแล้วว่าถ้าจะตัดงบ จะตัดอย่างไร บนพื้นฐานที่ว่าประชาชน ต้องได้รับการบริการอย่างดีที่สุด ไม่ขาดตกบกพร่อง ไปจากเดิม ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงก็มีการตัดงบประมาณ แต่เป็นงบของการจัดซื้อครุภัณฑ์ และงบก่อสร้างที่ยังไม่เซ็นสัญญา
"ในส่วนของการบรรจุข้าราชการใหม่ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่คนทำงาน เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ และเราก็มีงบตรงส่วนนี้อยู่แล้ว จะไม่ตัดเอางบด้านการดูแลรักษาประชาชนไปให้เป็นเงินเดือนแน่นอน สิ่งที่จะเน้นย้ำคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นประชาชนต้องได้รับสิทธิบัตรทอง เพื่อดูแลรักษาพยาบาล เหมือนเดิม และดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต จะไม่มีใครมาตัดสิทธิที่ประชาชนพึงได้รับ"นายอนุทิน กล่าว