นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้ว่า กระทรวงฯ ได้เสนอแนวทางการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทางด้านกีฬา ผ่านทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มีนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ พิจารณา โดยแบ่งเป็นระยะ ห่างกัน 15 วัน เริ่มจากการออกกำลังกายส่วนบุคคล สถานที่กลางแจ้ง ไปจนถึงการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมตามปกติ
โดยข้อเสนอกระทรวงฯ นั้นจะให้มีการผ่อนคลายเป็น 6 ระยะ คือ ระยะที่ 1 สนามกีฬาสาธารณะกลางแจ้ง เช่น สวนสาธารณะ ลานกีฬา ลานออกกำลังกาย เริ่มวันที่ 1 พ.ค.63
ระยะที่ 2 สนามกีฬากลางแจ้งเฉพาะชนิดกีฬา เช่น สนามกอล์ฟ สนามไดร์ฟกอล์ฟ สนามเทนนิส แต่ในกรณีสนามกอล์ฟไม่ควรมีแคดดี้ส่วนตัว เริ่มวันที่ 15 พ.ค.63
ระยะที่ 3 สนามกีฬาในร่วมแบบเปิด หลังคาสูงไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น สนามแบดมินตัน เริ่มวันที่ 30 พ.ค.63
ระยะที่ 4 สนามกีฬาในร่มแบบปิด เช่น สระว่ายน้ำ สนุ้กเกอร์ โบว์ลิ่ง
ระยะที่ 5 สนามกีฬาประเภทต่อสู้ที่ต้องสัมผัสตัวใกล้ชิด ใช้อุปกรณ์ร่วมกัน และมีผู้ชม เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล มวย ยูโด วอลเลย์บอล
ระยะที่ 6 กิจกรรมการแข่งขันกีฬา การชม การเข้าร่วมการแข่งขัน
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่กระทรวงฯ เสนอไปเช่นนั้น เพราะอยากให้มีการเว้นระยะเพื่อให้ทราบก่อนว่าการเปิดเป็นช่วงๆ จะทำให้เกิดความแออัดอย่างไร ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องความพร้อม และประเมินเป็นระยะๆ เพราะสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไป หากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจผ่อนคลายมาตรการเร็วขึ้น โดยการผ่อนคลายในระยะที่ 4-6 มีความเสี่ยงสูงในเรื่องการเว้นระยะห่าง
ทั้งนี้จะมีคณะกรรมการขึ้นพิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม โดยมีอธิบดีกรมอนามัยเป็นประธาน ซึ่งกระทรวงฯ มีตัวแทนจากสำนักงานปลัดฯ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าไปร่วมเป็นกรรมการ