พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. โดยมีคณะรัฐมนตรี หน่วยงานด้านความมั่นคง การสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมเชิงบูรณาการวันนี้ถือเป็นการหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยทำได้ดีมากในระดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง และที่ต้องมีการพิจารณาวันนี้คือเรื่องการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งการปรับข้อกำหนดให้มีการผ่อนผันจะต้องให้มีเวลาเตรียมการและมีมาตรการคู่ขนานด้านการสาธารณสุข ต้องดูแลก่อนช่วงที่จะมีการปลดล็อก
การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มา 1 เดือนเต็มนั้น ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทั้งผู้ที่ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ก็มาเป็นที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือ วันนี้จะมีการพิจารณาข้อเสนอที่ส่งมายังภาครัฐ เป็นความร่วมมือของประชาชนจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ซึ่งสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังจากที่มีการแพร่ระบาดหลังจากนี้
"สิ่งที่ผมจะขอความเห็นชอบจากที่ประชุมในวันนี้ คือแนวทางการผ่อนปรนภายหลังจากที่มีการขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยแผนต่างๆ จะยึดตามหลักการสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก เป็นหลักในการดำเนินการ สิ่งที่ผมเป็นกังวลก็คือเรื่องการเยียวยาที่หลายฝ่ายไม่เพียงพอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะมีการรับฟังและประเมินสถานการณ์จากฝ่ายสาธารณสุขและด้านความมั่นคง ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมจะมีข้อเสนอซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเกี่ยวกับวันวิสาขบูชาในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ซึ่งก็จะเสนอให้งดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากไม่รวมตัวกัน
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงจะพิจารณาและประเมินดูตามกลุ่มจังหวัดต่างๆโดยเฉพาะจังหวัดที่มีการผ่อนคลายมาตรการลงบ้างแล้วก็อาจจะอนุญาตให้จัดกิจกรรมในเรื่องการเวียนเทียนซึ่งถือเป็นพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาได้ โดยต้องมีระยะห่าง แต่ทั้งหมดก็จะขอฟังข้อมูลและการประเมินสถานการณ์จากสาธารณสุขก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร