นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวในระหว่างการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่โรงพยาบาลนครท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร และตรวจเยี่ยมศูนย์สาธารณสุขชุมชนต่างด้าว หอพักต้นแบบต่างด้าวในโครงการบ้านเอื้ออาทร การเคหะท่าจีน พร้อมมอบวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันโรคโควิด19 ให้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขแรงงานต่างด้าว (อสต.)
นายอนุทิน กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน มีการใช้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ด้วยระบบสาธารณสุขของประเทศไทยในวันนี้สามารถจัดการการระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ทั่วโลกและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในอนาคต ขณะนี้มีตัวเลขแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ขึ้นทะเบียน 268,084 คน การจัดการของทางจังหวัดถือเป็นตัวอย่าง ภายใต้ "สมุทรสาครโมเดล" ที่ผนึกกำลังเครือข่าย โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน โรงพยาบาลบ้านแพ้ว และโรงพยาบาลนครท่าฉลอม รณรงค์ให้ความรู้ การคัดกรอง การสร้างมาตรการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ และตรวจหากลุ่มเสี่ยงเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือกันของพื้นที่
นายอนุทิน กล่าวว่า อสต. มีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันมี อสต.อยู่ใน 9 จังหวัด จำนวน 4,145 คน แต่เฉพาะในจ.สมุทรสาคร มีถึง 3,098 คน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่มากที่สุด โดย อสต. จะรณรงค์ให้แรงงานต่างด้าวปฏิบัติตัวตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งยังเป็นด่านหน้าคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพื่อส่งรักษาตามกระบวนการ ร่วมกับการตรวจค้นหาเชิงรุก ด้วยการเก็บตัวอย่างจากน้ำลาย นำมาตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยการ pool sample ซึ่งจะช่วยประหยัดงบได้ถึงร้อยละ 67 โดยจะมีการสุ่มตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างด้าวตามหลักระบาดวิทยาครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเก็บตัวอย่างตั้งแต่วันนี้ ตั้งเป้าในช่วงแรกให้ได้ 2,100 ตัวอย่าง โดยเก็บตัวอย่างได้ 200-400 ตัวอย่างต่อวัน
"อาสาสมัครสาธารณสุขแรงงานต่างด้าว หรือ อสต.จะทำงานเชิงรุกบุกเคาะประตูหอพัก เพื่อให้ความรู้ต่อแรงงานเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างและสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งคัดกรองหากลุ่มเสี่ยง ค้นหาผู้ป่วยส่งเข้ารักษา ให้คำแนะนำในการแยกกักตัวและติดตามผล จึงขอให้มั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขจะดูแลกลุ่มแรงงานเหล่านี้ให้ดีที่สุดทั้งตามสิทธิมนุษยชนและตามมาตรฐานอนามัย เพื่อความปลอดภัยของแรงงานต่างด้าวทุกคนและพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยเช่นกัน" นายอนุทิน ระบุ