โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงว่าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อของ กทม.มีมติเห็นชอบมาตรการด้านสาธารณสุขที่จะใช้ประกอบการคลายล็อกให้มีการเปิดสถานประกอบการ 8 ประเภท ซึ่งเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ส่วนกำหนดจะเป็นเมื่อใดต้องรอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ประกาศกรอบหลักการใหญ่ก่อนเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน
รวมถึงการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะสิ้นสุดการงดจำหน่ายในวันที่ 30 เม.ย.นี้จะมีการต่ออายุออกไปหรือไม่ก็ให้ขึ้นกับมติของ ศบค.เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม กทม.จะต่ออายุประกาศที่เกี่ยวข้องกับการปิดสถานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกไปถึง 31 พ.ค.63 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.63 โดยเฉพาะผับ-บาร์
ส่วนการปลดห้างสรรพสินค้านั้น โฆษก กทม.ระบุว่าอาจจะนำมาพิจารณาในเฟสต่อไปที่จะผ่อนคลายสถานประกอบการเพิ่มเติม เนื่องจากนักวิชาการและแพทย์ยังเห็นว่ามีความเสี่ยงจากที่เคยพบผู้ติดเชื้อจากการเข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้า จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม.กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ได้มีการลงลึกในรายละเอียดสำหรับกิจการแต่ละประเภทใน 8 สถานประกอบการที่จะมีการผ่อนปรน ได้แก่ 1.ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า 2.ตลาดสด และตลาดนัด 3.ร้านตัดผม หรือร้านเสริมสวย 4.โรงพยาบาล คลีนิก และสถานพยาบาล 5.สนามกอล์ฟ 6.สนามกีฬา 7.ร้านตัดขนสุนัข และ 8.สวนสาธารณะ
-ร้านอาหารที่ตั้งอยู่นอกห้างสรรพสินค้า กำหนดว่าต้องตรวจคัดกรองอุณหภูมิผู้ใช้บริการ เว้นระยะห่างของที่นั่ง 1.5 เมตร งดบริการประกอบอาหารที่โต๊ะ เช่น สุกี้ ชาบู งดบุฟเฟ่ต์ที่ให้ลูกค้าตักเอง แต่สั่งจากเมนูได้, งดจำหน่ายเหล้าเบียร์และงดดื่มในร้าน, งดจัดให้มีการเล่นดนตรีสด, จัดฉากแผ่นใสกั้นอาหารกับลูกค้า เช่น ร้านข้าวแกง, จัดที่ล้างมือด้วยสบู่และเจลที่ทางเข้าออกและจุดต่าง ๆ ภายในร้าน, ทำความสะอาดห้องน้ำทุกชั่วโมงหากทำไม่ได้ต้องงดให้บริการ, ทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้ด้วยน้ำยาทุกครั้ง รวมถึงพื้น ทางเดิน ราวบันได ลูกบิด, ร้านที่มีเครื่องปรับอากาศต้องปิด-เปิดเป็นช่วงเวลาเพื่อให้สามารถระบายอากาศได้ทุก 2 ชม., ทำความสะอาดภาชนะอย่างสม่ำเสมอ
จัดให้ลูกค้าที่ใช้บริการเข้าแถวรอบริเวณหน้าร้านเว้นระยะห่าง 1.5 เมตรด้วยการทำสัญลักษณ์จุดยืน และให้มีพนักงานควบคุมจัดคิวไม่ให้กระทบกับทางเท้าและสถานที่ใกล้เคียง, พนักงานต้องรวบผม ใส่ถุงมือ และหน้ากาก, หากป่วยหรือมีไข้ให้หยุดปฏิบัติงานทันทีแล้วไปพบแพทย์, คนปรุงอาหารและพนักงานเสิร์ฟต้องล้างมือบ่อยๆ พูดกันด้วยเสียงปกติไม่ตะโกนใส่กัน, ลูกค้าต้องรักษาสุขอนามัย ถ้าพบมีไข้จะไม่ให้เข้าใช้บริการและต้องไปพบแพทย์