พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายให้กับกระทรวงแรงงานว่า ในภาวะที่แรงงานไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีนโยบายให้ความช่วยเหลือและเยียวยากับกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ การให้แรงงานที่ติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว, การได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนและรวดเร็วกรณีการว่างงานให้แก่ผู้ประกันตน, การส่งเสริมการฝึกอาชีพและการให้ความรู้, การเฝ้าระวังการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ตลอดจนขอให้ชะลอการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงแรงงานที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานช่วงที่ผ่านมาอย่างได้ผล และให้กำลังใจการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ที่มีความทุ่มเท ตั้งใจ เสียสละ พร้อมขอให้คงเข้มการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดเชิงรุกต่อไป โดยขอให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บูรณาการทำงานกันอย่างใกล้ชิด มีประสิทธิภาพ และต้องมีแผนรองรับจากมาตรการผ่อนคลายข้อกำหนดที่ชัดเจนร่วมกัน โดยมุ่งเน้นการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นพิเศษ เพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมง และต้องไม่ให้มีการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างเด็ดขาด รวมถึงการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานจะต้องให้เกิดความเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมแรงงานไทยในทุกภาคส่วนที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับวันแรงงานแห่งชาติถือเป็นวันสำคัญของแรงงานทุกคน ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโต รัฐบาลมีความมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีภาคการผลิตที่มีประสิทธิภาพทุกภาคส่วนและมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม มาพัฒนาศักยภาพแรงงานให้เป็นผู้มีความสามารถ มีศักยภาพเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตวิถีใหม่หลังสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานสามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม มีหลักประกันทางสังคมที่มั่นคง รวมทั้งมีความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานที่ดีตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานและรายได้ที่ดีขึ้น